ปล่อยว่อนภาพพระไฮโซ โชว์ทั้งอัลบั้ม พฤติกรรมโอเวอร์ ยกคณะทัวร์-แบ๊ว-ขับรถ พศ.ระบุวัดป่าไร้ทะเบียน

ปล่อยว่อนภาพพระไฮโซ โชว์ทั้งอัลบั้ม พฤติกรรมโอเวอร์ ยกคณะทัวร์-แบ๊ว-ขับรถ พศ.ระบุวัดป่าไร้ทะเบียน

ปล่อยว่อนภาพพระไฮโซ โชว์ทั้งอัลบั้ม พฤติกรรมโอเวอร์ ยกคณะทัวร์-แบ๊ว-ขับรถ พศ.ระบุวัดป่าไร้ทะเบียน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผอ.พศ.ชี้นั่งเครื่องบินผิดอาจาระ-พฤติกรรมโอเวอร์ ไม่เหมาะกับความเป็นพระ สั่ง พศจ.ศรีสะเกษตรวจพระหน้าคล้าย′หลวงปู่เณรคำ′ เบื้องต้นพบที่พำนักไม่ใช่วัดหรือสำนักสงฆ์ที่ พศ.รับรอง

จากกรณีประชาชนร้องเรียนมีพระสงฆ์บางรูปสะสมพาหนะการเดินทาง มีรถหรู เครื่องใช้ไม้สอยราคาแพง ฟุ่มเฟือยมาก รวมถึงคลิปภาพพระสงฆ์นั่งเครื่องบินส่วนตัว เสียบหูฟังไอโฟน สวมแว่นตาดำ สะพายกระเป๋าหลุยส์วิตตอง โดยเครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดที่สนามบิน จ.อุบลราชธานี และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นหลวงพ่อชื่อดังรูปหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ศรีสะเกษตรวจสอบที่มาที่ไปแล้ว ขณะนี้มีคนจำนวนมากมาสอบถามว่าใช่ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระสงฆ์ชื่อวัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษหรือไม่ ตนยังบอกไม่ได้ว่าเป็นหลวงปูเณรคำหรือพระสงฆ์รูปใด ต้องรอรายงานจาก พศจ.ศรีสะเกษก่อน

"กรณีที่ถามว่าพระรูปดังกล่าวเป็นเจ้าของเครื่องบินหรือไม่ ส่วนตัวมองแง่ดีว่าพระสงฆ์ทุกรูปคงไม่สามารถเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวได้ เพราะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบฐานะทางการเงิน มีใบอนุญาตการบิน ดังนั้น อาจจะเป็นเครื่องบินญาติโยม หรือลูกศิษย์ก็ได้ แต่หากถามว่าท่านผิดตรงไหน ก็ผิดอาจาร พฤติกรรมโอเวอร์ สวมแว่นตา มีกิริยามารยาทความประพฤติไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องกับสถานะความเป็นพระสงฆ์ ทำให้ผู้ประสบพบเห็นเสื่อมศรัทธาความเชื่อความเลื่อมใสในบุคคลเหล่านั้น คนที่เคยศรัทธาเลื่อมใสอยู่ก่อนแล้ว ก็จะจืดจางเสื่อมความเคารพนับถือลงโดยลำดับ พุทธศาสนิกชนดูแล้วหดหู่" นายนพรัตน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องจัดระเบียบการถวายของให้พระสงฆ์หรือไม่ นายนพรัตน์กล่าวว่า การถวายสิ่งของให้กับพระสามารถทำได้ ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ต้องดูความเหมาะสมด้วย

นายวิรอด ไชยพรรณา ผู้อำนวยการ พศจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากนายนพรัตน์ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ 2 ประเด็น 1.ตรวจสอบประวัติ ที่พักสงฆ์ หรือที่พำนักของหลวงปู่เณรคำในปัจจุบันว่าถูกต้องหรือไม่ เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าที่พำนักดังกล่าวเป็นที่พักสงฆ์ทั่วไป ไม่มีสถานะเป็นวัด หรือสำนักสงฆ์ที่ขึ้นทะเบียนกับ พศ. และ 2.สั่งให้ตรวจสอบประวัติหลวงปู่เณรคำว่าสังกัดวัดใด เจ้าคณะปกครองคือใคร แต่เท่าที่ทราบขณะนี้สังกัดเดิมคือวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ จ.อุบลราชธานี แต่ปัจจุบันสังกัดวัดไหนหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องหาคำตอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำค่อนข้างยาก เพราะเป็นพระธรรมยุตมักไม่เปิดเผยว่าปัจจุบันอยู่ในสังกัดที่ไหน และเจ้าหน้าที่ พศ.ถูกกีดกันออกมา โดยไม่ให้ความร่วมมือ

"จากการตรวจสอบรูปภาพที่นั่งเครื่องบินเจ็ต ซึ่งเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ไม่ใช่มุมภาพที่เป็นการแอบถ่ายแต่อย่างใด เป็นการเปิดให้ถ่ายภาพโปรโมตตัวเอง ดูแล้วไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ส่วนที่มีภาพเก่าๆ ที่มีคนที่หน้าเหมือนพระชื่อดังรูปหนึ่งนอนหลับอยู่กับสีกาสาวคนหนึ่งนั้น โดยอ้างว่าเป็นภาพตัดต่อนั้น ชาวบ้านแถวนั้นจะรู้ว่าคนในภาพเป็นใคร เพราะมีเค้าโครงเหมือนกับสีกาคนใกล้ชิด หากมีการตัดต่อจริงก็ควรเป็นภาพผู้หญิงสวย ๆ เลยจะดีกว่า" นายวิรอดกล่าว

นายวิรอด กล่าวว่า ชาวบ้านแถวนั้นรู้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ดี จึงไม่ได้พากันไปทำบุญ ทั้งนี้ เวลาที่จัดกิจกรรมทำพิธีกรรมทางศาสนา แล้วมีคนไปร่วมนับพันคนนั้น ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่อยู่ไกลๆ มากกว่า คนในพื้นที่ไม่เข้า เพราะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร หากจะทำบุญจะไปทำบุญที่วัดในพื้นที่

จากนั้นในเวลา 14.00 น. นายวิรอด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ ลงพื้นที่วัดป่าขันติธรรมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบภายในบริเวณวัดพบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา แตกต่างจากในช่วงปกติที่วัดแห่งนี้จะมีพุทธศาสนิกชนและลูกศิษย์วัดเป็นจำนวนมากอยู่ตามบริเวณวัด

นายวิรอดกล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่มีคำยืนยันจากบุคคลใดว่าคลิปวิดีโอที่เห็นดังกล่าวเป็นพระดัง แต่เป็นเพราะสาเหตุของหน้าตาที่มีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกันเท่านั้น ในขณะนี้ตนและเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับทางคณะกรรมการของวัดป่าขันติธรรม แต่ยังไม่ได้รับคำตอบในเรื่องนี้ จากการสอบถามพระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ภายในบริเวณวัดแห่งนี้ เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้ให้ข้อมูลว่าหลวงปู่เณรคำเดินทางไปต่างประเทศเป็นระยะเวลานานหลายเดือน ปกติหลวงปู่เณรคำจะเดินทางกลับมาที่วัดแห่งนี้ เฉพาะช่วงที่มีการจัดงานเท่านั้น โดยทางวัดได้มีกำหนดการจัดงานมหาพิธีห่มผ้าฤดูฝนพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้น ระหว่างวันที่ 27-30 มิถุนายนนี้ คาดว่าหลวงปู่เณรคำจะเดินทางกลับมาในช่วงนี้

"ในช่วงที่ผ่านมามีประชาชนในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษร้องเรียนมายังสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ เกี่ยวกับภาพหลุดที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยเฉพาะรูปถ่ายที่มีสีกาอยู่ด้วย ขณะนี้อยู่ในขั้นดำเนินการตรวจสอบ และหากพบว่ามีการกระทำผิดอาจมีบทลงโทษขั้นรุนแรง คือการปาราชิก หรือจับสึกนั่นเอง" นายวิรอดกล่าว

พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า การถวายสิ่งของให้พระสงฆ์ในปัจจุบัน พระวินัยและ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ไม่มีข้อกำหนดไว้ชัดเจน แต่ญาติโยมต้องดูความเหมาะสมกับสถานภาพของพระด้วย ดูประโยชน์การใช้สอยไม่ให้เกินฐานะ เกินความพอดี เนื่องจากจะทำให้สังคมติเตียนถึงความไม่เหมาะสมได้ เช่น การถวายรถสปอร์ตถือว่าไม่เหมาะกับพระสงฆ์ ขณะเดียวกันผู้ถวายต้องกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจนว่าถวายให้เป็นประโยชน์ต่อพระศาสนาในด้านใด ไม่ว่าจะเป็นการเผยแผ่ การศึกษา ค่าน้ำค่าไฟ แต่หากพระสงฆ์นำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ อาจมีความผิดได้

"กรณีพระนั่งเครื่องบินเจ็ตนั้น ถ้าประชาชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าไม่เหมาะสม สามารถทำหนังสือถึงเจ้าคณะปกครองให้สอบข้อเท็จจริง โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนที่อ้างว่าพระซื้อเครื่องบิน ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่านำเงินส่วนไหนไปซื้อ เพราะเครื่องบินมีราคาสูง หากพบว่านำเงินที่ญาติโยมบริจาคเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไปซื้อ ถือว่ามีความผิด ต้องดำเนินการทั้งทางกฎหมายสงฆ์ และกฎหมายบ้านเมือง หากกฎหมายบ้านเมืองพิจารณาเป็นที่สุดแล้วว่า พระรูปนั้นกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง โดยเฉพาะกรณีคดีอาญาต้องดำเนินการสึกเพื่อไปรับโทษทางบ้านเมือง อาตมาอยากให้สืบสวนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ สังคมต้องให้ความเป็นกลางกับทางพระด้วย อย่าเพิ่งด่วนไปตัดสิน" พระพรหมดิลกกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ต่างๆ อาทิ เว็บไซต์พันทิป ปรากฏว่า มีการนำภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่งมาโพสต์ อาทิ ภาพแอ๊บแบ๊ว ซึ่งถ่ายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในภาพดังกล่าวเป็นภาพพระสงฆ์ชูสองนิ้วพร้อมด้วยสีหน้าแอ๊บแบ๊ว และภาพที่ชื่อว่า เบนซ์อาตมา ใครอย่าแตะนะโยม เป็นภาพที่ถ่ายคู่กับรถเบนซ์ป้ายทะเบียนต่างประเทศ รวมถึงภาพพระสงฆ์กำลัง

นั่งอยู่ในห้องนักบิน นอกจากนี้ ในเว็บไซต์ดังกล่าวยังมีการนำภาพของคนที่หน้าเหมือนพระชื่อดัง โดยอ้างว่าเป็นพระสงฆ์กำลังนอนกับผู้หญิงมาเผยแพร่ด้วย อย่างไรก็ตาม มีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นตำหนิ และวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับภาพต่างๆ จำนวนมาก โดยเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสอบสวนข้อเท็จจริง

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นวัดของพระวิระพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ปรากฏว่า บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงามาก ภายในบริเวณวัดมีป้ายชื่อหลวงปู่เณรคำ บริษัท ขันติธรรม ก้าวหน้า จำกัด ซึ่งจำหน่ายวัตถุมงคลติดอยู่ และมีตู้รับบริจาคเงินจำนวนมากวางตั้งอยู่ทั่วบริเวณ ส่วนภายในกุฏิของวัดนั้นจะปูด้วยพรมสีเขียว มีรูปภาพของหลวงปู่เณรคำขนาดใหญ่ติดอยู่หลายภาพ และไม่มีบรรดาชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัดแต่อย่างใด มีเพียงคนงานหญิงจำนวน 2-3 คน ที่เฝ้าอยู่ในบริเวณวัด

คนงานหญิงคนหนึ่งเปิดเผยว่า หลวงปู่เณรคำไม่ได้อยู่ที่วัด ทราบเพียงว่าเดินทางไปที่ประเทศฝรั่งเศส พร้อมด้วยพระสงฆ์ ประมาณ 10 รูป ส่วนเรื่องเกี่ยวกับรูปภาพต่างๆ รวมทั้งการนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวนั้น ไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด ทราบเพียงว่าหลวงปู่เณรคำจะนั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่วัดป่าขันติธรรมเป็นประจำเท่านั้น โดยจะมีสนาม ฮ.อยู่บริเวณถนนเข้าวัด เป็นรูปเครื่องหมาย H อยู่บนถนนด้วย

ชาวบ้านคนหนึ่งที่อยู่ใกล้วัดป่าขันติธรรม เปิดเผยว่า ปกติแล้วชาวบ้านที่อยู่แถวนี้ จะไม่พากันเข้ามาทำบุญที่วัดป่าขันติธรรม เนื่องจากทราบข่าวมานานแล้ว แต่ว่าไม่กล้าพูดออกมา เพราะเกรงว่าอาจจะได้รับอันตรายจากอิทธิพลมืด เนื่องจากมีนายตำรวจและนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้ามาที่วัดนี้บ่อยมาก และหลวงปู่เณรคำจะมีรถตำรวจทางหลวงนำขบวนตลอดเวลา ชาวบ้านจึงพากันเชื่อว่าจะต้องมีนายตำรวจและนายทหารชั้นผู้ใหญ่หนุนหลังอยู่

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หลวงปู่เณรคำ พระนั่งเครื่องบินส่วนตัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook