นิตโตะดึงโค้ชเยาวชนสิงห์เปิดคลีนิกฟุตบอล

นิตโตะดึงโค้ชเยาวชนสิงห์เปิดคลีนิกฟุตบอล

นิตโตะดึงโค้ชเยาวชนสิงห์เปิดคลีนิกฟุตบอล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยางนิตโตะ เปิดโครงการกิจกรรม 'นิตโตะ-เชลซี เอฟซี ฟุตบอลคลีนิก' ดึง โค้ชเยาวชนของเชลซี สอนบอลน้องๆ จาก สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ

นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต. สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ยางนิตโตะ ยางนำเข้า 100% เป็นประธาน เปิดโครงการกิจกรรม "นิตโตะ-เชลซี เอฟซี ฟุตบอลคลินิก" เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา ที่สนามซูเปอร์คิก ซ.ลาดพร้าว 80 ภายใต้การนำของ มร.เอียน วู๊ดรอฟฟี่ ผจก.ฝ่ายพัฒนาเยาวชนสโมสรฟุตบอล เชลซี พร้อมด้วย สตีฟ วินเนส และ เดวิส มัง ผู้ฝึกสอนฟุตบอลเยาวชน "สิงโตน้ำเงินคราม" มาร่วมเปิดประสบการณ์ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับนักเตะเยาวชน จากสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ และแฟนคลับของ ยางนิตโตะ จำนวนถึง 45 คน

นายอภิชัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังบริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นผู้ให้การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลเชลซี เป็นเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2013-2016 ในวงเงิน 120 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 40 ล้านบาท นับว่า เป็นเรื่องที่คุ้มค่าอย่างยิ่งที่จะให้แบรนด์ของเราไปสู่สายตาชาวโลก ยิ่งวันที่ 17 ก.ค.นี้ ศึกฟุตบอลรายการพิเศษ ระหว่าง เชลซี ดวลแข้งกับ "สิงห์ ออลสตาร์" เชื่อว่า จะมีแฟนคลับเข้าไปเชียร์และให้กำลังใจอย่างล้นหลาม

นอกจากนี้ ยังมีการจัดงาน "มีทแอนด์กรี๊ด" ให้แฟนคลับและลูกค้าของเราได้ไปสัมผัสนักเตะในดวงใจอย่างใกล้ชิด พร้อมกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะวันที่ 27 ต.ค.นี้ จะพาแฟนคลับไปชมเกมคู่สำคัญ เชลซี เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ ศึกพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ

"ส่วนตัว รู้สึกภูมิใจมากที่เป็นครั้งแรกของไทย สำหรับผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ ที่เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการกับทีมฟุตบอลระดับแถวหน้าของโลกถือว่า เป็นสโมสรที่มีผลงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกฤดูกาล รวมไปถึง ฐานแฟนคลับของ "สิงห์บลู" ในบ้านเราด้วย ปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์สินค้าเราได้เติบโตก้าวไกลเป็นแบรนด์ในใจของคนไทยอย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายโต จะขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ จากรายได้ทั้งหมด เมื่อปีที่แล้วกว่า 1,200 ล้านบาท"


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook