กองปราบชงDSIฟันเณรคำฉ้อโกงยึดอัญมณี

กองปราบชงDSIฟันเณรคำฉ้อโกงยึดอัญมณี

กองปราบชงDSIฟันเณรคำฉ้อโกงยึดอัญมณี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รอง ผบก.ป. มอบหลักฐานสำนวนคดี 'เณรคำ' ฉ้อโกงจำนวน 668 หน้า ให้ ดีเอสไอ แล้ว แต่ยังร่วมมือกันเหมือนเดิม ขณะที่ เลขา ปปง. เตรียมแถลงข่าวเรื่องการอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม วันนี้

พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม ได้นำพยานหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับคดี นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ประกอบด้วย เอกสาร 668 หน้า หินสีอัญมณี จำนวน 9 ถุง น้ำหนัก 21.7 กก และสายรัดเงินจำนวน 6 มัด ซึ่งยึดได้จากตู้เซฟในสำนักปฏิบัติธรรมสาขาหนึ่งของอดีตพระเณรคำ ใน จ.อุบลราชธานี ส่งมอบให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ โดยมี นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการส่วนคดีความมั่นคง 1 เป็นผู้แทนในการรับมอบสำนวนการสืบสวนสอบสวน โดยจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเป็นเจ้าภาพ ส่วนกองบังคับปราบปรามและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการในส่วนที่มีการประสานขอความร่วมมือ และทำงานร่วมกันเช่นเดิม

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ประสพโชค ยังยอมรับว่า มีอดีตนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง เกี่ยวข้องกับคดีนี้จริง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะอาจจะทำให้มีผลต่อรูปคดี

 

เลขาปปง.เตรียมแถลงอายัดทรัพย์เณรคำเพิ่ม

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมการเงิน ครั้งที่ 12/2556 ในเวลา 14:00 น. โดยมีวาระที่น่าสนใจคือ การสรุปผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินและพิจารณาการอายัดทรัพย์สิน ทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ของ นายวิรพล สุขผล อายุ 34 ปี อดีตพระเณรคำ หลังจาก ปปง. ได้รับการร้องเรียนและได้รับมอบหลักฐานเอกสารเพิ่มเติม ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินจากหลาย ๆ หน่วยงาน ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ , กองบังคับการปราบปราบ , ตลอดจน นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

นอกจากนี้ คาดว่า ในที่ประชุมจะมีความชัดเจน เรื่องการโยกย้ายเงินในบัญชีอดีตพระเณรคำ กว่า 200 ล้านบาท / การติดตาม ทองคำ 8 พันกิโลกรัม โดยภายหลังการประชุม เลขาธิการ ปปง. จะแถลงผลการประชุม ในเวลา 15:30 น.

DSIพบเณรคำเอี่ยวอ้างเครื่องราชฯ-จ่อยื่นถอนพาสปอร์ต

พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการถอนหนังสือเดินทาง และขึ้นแบล็กลิสต์กับ นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ว่า แม้เรื่องนี้กรมสอบสวน
คดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เป็นผู้ดำเนินการ แต่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะมีหน่วยงาน
ต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามในวันนี้ เวลา 10.00 น. ดีเอสไอ จะมาขอรับสำนวนการสอบสวนทั้งหมด ที่กองปราบปรามได้รวบรวมไว้ไปดำเนินการต่อ ทั้งคดีทางการเงิน คดีฉ้อโกง และที่สำคัญมีหลักฐานใหม่ที่เป็นทีเด็ด ที่ เณรคำ แอบอ้างเรื่องเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย ส่วนทองคำจำนวน 8 ตัน ที่เป็นข่าวว่ามีในครอบครองนั้น กองปราบปราม ก็ติดตามอยู่เช่นกัน ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลที่เชื่อได้ว่ามีทองจำนวนมาก แต่อาจจะไม่ถึงจำนวนดังกล่าว

 

พศ.ยังเดินหน้าหาหลักฐานผู้เกี่ยวข้องเณรคำ

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. เปิดเผยกับสำนักข่าว
ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการดำเนินการกับ นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ หลังถูกดีเอสไอ แจ้งข้อกล่าวหาว่า
ตอนนี้แม้ยังไม่ได้รับตัวหนังสือหมายจับ แต่ได้รับการประสานข้อมูลมาแล้ว ส่วนทางพระธรรมวินัย ยังประสาน
คณะสงฆ์ดำเนินการต่อ เพราะยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องสืบข้อเท็จจริง หาพยานหลักฐาน รวมทั้ง การดำเนิน
การกับผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้รู้เห็นเป็นใจ สุดท้ายจะบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาทางแก้ไขเพื่อให้ปัญหา
เหล่านี้ลดลง หรือแก้ไขทันท่วงที

อย่างไรก็ตามขณะนี้ ตัวอดีตพระเณรคำ ก็ถือว่าอาบัติปาราชิกแล้ว สามารถดำเนินการในทางโลกได้เต็มที่ รวมทั้ง การดำเนินคดีอาญา ทั้งนี้ทาง พศ. ก็ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ แล้ว ว่าให้ถอนหนังสือเดินทาง นอกเหนือจากทางดีเอสไอ ที่ได้ทำเรื่องไปก่อนหน้า ซึ่งเดินหน้าในการติดตามตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีการประสานสมัชชาสงฆ์ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะ นายวิรพล ไม่ได้เป็นพระธรรมทูต โดยเดินทางไปเอง และกฎหมายพระไทยครอบคลุมไปไม่ถึง ส่วนกรณีที่ หลวงปู่พุทธะอิสระ ยื่นให้ตรวจสอบเถรสมาคม เจ้าคณะอำเภอ และตำบลศรีสะเกษ และอุบลราชธานี นั้น เป็นเรื่องคณะสงฆ์ เราไม่มีอำนาจตรวจสอบ 

 

ธาริตรับสำนวนคดี'เณรคำ'ฉ้อโกงจากป.แล้ว

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวภายหลังดี เอสไอรับมอบสำนวนการสืบสวนคดี นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระเณรคำ ฉัตติโก จากกองบังคับการปราบปราม เป็นสำนวนการสอบสวน กรณีฉ้อโกงประชาชน และกรณีแอบอ้างหลอกลวงประชาชนให้บริจาคเงินสร้างโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคอีสาน เพื่อรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวมถึงตู้เซฟที่ตรวจยึดได้จากสำนักปฏิบัติธรรม สาขา 1 จ.อุบลราชธานี ซึ่งภายในบรรจุสายรัดเงินและหินสี น้ำหนัก 20 กิโลกรัม ว่า หลังจากนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ จะต้องทำการตรวจสอบสำนวนทั้งหมดที่ทางกองปราบปรามรวบรวมมาให้ก่อน จากนั้นก็จะทำการสอบสวนกรณีต่างๆ ว่ามีการกระทำความผิดจริงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น กรณีฉ้อโกงประชาชน และกรณีแอบอ้างหลอกลวงประชาชนให้บริจาคเงินสร้างโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคอีสาน เพื่อรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวมถึง ตู้เซฟ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรายอื่นๆ ด้วย

 

 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook