พลังเงียบ
ล็อกล้อ
การเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯถือเป็นสนามปราบเซียนมาเกือบทุกยุคทุกสมัย
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งส.ส.หรือเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพราะคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่เลือกคนจากกระแสมากกว่ายึดโยงอยู่กับตัวบุคคล หรือพรรคการเมือง
การเลือกตั้งทั่วไปปี 2544-2548 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยนำพรรคไทยรักไทยมาปลุกกระแสกวาดเสียงจากคนกรุงเทพฯ และยังได้เสียงข้างมากเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
แต่ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แม้ตัวแทนจากพรรคไทยรักไทยจะถูกจับตามองว่าน่าจะเป็นผู้ชนะ แต่ก็พ่ายแพ้กระแสเลือกพรรคตรงข้ามรัฐบาลให้กับ อภิรักษ์ โกษะโยธิน จากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2547
ย้อนหลังไปเมื่อปี 2543 ไทยรักไทยก็แพ้ให้กับกระแส อยากใช้ผม เลือกผม ของ สมัคร สุนทรเวช ที่มีคนออกเลือกเกินล้านเสียงเป็นประวัติศาสตร์ของกทม.ไป
หรือจะเป็นเมื่อครั้งพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในปี 2528 ก็ใช้กลยุทธ์ฝาเข่งหาเสียง ด้วยวาทะที่ว่า จำลองตายแน่ ถ้าพ่อแม่ไม่ช่วย พลิกกลับมาชนะตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความพร้อมกว่าทุกด้าน
และในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2535 ที่พล.ต.จำลอง นำพรรคพลังประชาชนลงสมัคร พร้อมกระแสจำลองฟีเวอร์ ก็สามารถกวาดที่นั่งส.ส.ในกรุงเทพฯไปได้ 32 จาก 35 ที่นั่ง
เพราะฉะนั้นเสียงชี้ขาดว่า ผลการเลือกตั้งจะออกมาในทางใดจึงอยู่ที่ สะวิงโหวต หรือกลุ่มพลังเงียบที่ไม่ติดยึดกับบุคคล และพรรคการเมืองเหล่านี้
ดังนั้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ กลุ่มพลังเงียบจึงเป็นแสงสว่างเล็กๆ สำหรับบรรดาผู้สมัครอิสระที่หวังว่าจะชนะการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกันแม้ตัวแทนที่สังกัดพรรคซึ่งมีคะแนนจัดตั้งจากฐานเสียงของพรรคอยู่แล้วระดับหนึ่ง แต่ถ้าหวังจะชนะการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาดก็ต้องหวังพึ่งพลังเงียบเหล่านี้เช่นกัน
ก็ต้องมาดูกันว่าวันนั้นพลังเงียบจะชี้ไปทางไหน