รถไฟสายใต้งดเดินเป็นวันที่ 3 หลังฝนกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง

รถไฟสายใต้งดเดินเป็นวันที่ 3 หลังฝนกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง

รถไฟสายใต้งดเดินเป็นวันที่ 3 หลังฝนกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รถไฟใต้สายกรุงเทพ-สุไหงโก-ลก งดให้บริการเป็นวันที่ 3 หลังฝนกระหน่ำต่อเนื่อง ทำให้รางทรุด-งานซ่อมล่าช้า ผอ.รถไฟฯ สั่งเฝ้าระ วังฝนตกซ้ำ ด้านน้ำท่วมจ.ปัตตานี ยังน่าห่วง หลังระดับน้ำสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่น้ำท่วมจ.นราธิวาสระดับน้ำยังสูง สถานที่ราชการ-โรงเรียน - รถไฟหยุด นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ หัวหน้าศูนย์รถไฟภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ความคืบหน้าขบวนรถไฟสายใต้เส้นทางยะลา-สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยเฉพาะระหว่างสถานีรถไฟมะรือโบ-สถานีตันหยงมัส จ.นราธิวาส ถูกน้ำป่ากัดเซาะจนรางทรุดได้รับความเสียหาย ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้ขบวนรถไฟที่วิ่งทางไกลหรือขบวนรถเร็วและรถด่วนสายกรุงเทพ-สุไหงโก-ลก 14 ขบวน ไม่สามารถเดินรถได้ เบื้องต้นได้วิ่งมาถึงสถานียะลาและสถานีหาดใหญ่เท่านั้น เนื่องจากเป็นสถานีใหญ่ที่ผู้โดยสารสามารถใช้บริการเส้นทางรถยนต์ไปยังปลาย ทางแทนได้ง่าย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ที่สถานีรถไฟยะลา เจ้าหน้าที่ได้จัดรถบัสนำผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วปลายทางสถานีสุไหงโก-ลก ไปส่งยังปลายทางทุกคนอีกด้วย ส่วนขบวนรถโดยสารธรรมดา หรือรถไฟท้องถิ่นจะวิ่งจากสถานีพัทลุง - ปลายทางสุไหงโก - ลก สามารถวิ่งไปได้ถึงสถานีมะรือโบตกเท่านั้น เช่นเดียวกับขบวนรถโดยสารสุราษฏร์ธานี - สุไหงโก - ลก งดการเดินรถจนกว่าจะซ่อมเส้นทางเสร็จเรียบร้อย "การปิดเดินรถไฟสายใต้เส้นทางกรุงเทพฯ -สุไหงโก-ลก ยังคงหยุดวิ่งติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากภาวะฝนที่ตกต่อเนื่อง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำการซ่อมแซมรางรถไฟที่ถูกน้ำกัดเซาะ ทำให้พื้นดินใต้ฐานรางรถไฟถูกน้ำพัดหายไป เป็นระยะทางยาวกว่า 100 เมตร โดยเฉพาะบริเวณหลักกิโลเมตร 1095 - 1098 บ้านสะโลตราแตะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เร่งนำหินไปเททับเพื่อสร้างความแข็งแรงเพื่อเปิด ทางเดินรถโดยเร็วที่สุดภายในวันที่ 6 ม.ค.นี้" นายทนงศักดิ์ กล่าว หัวหน้าศูนย์รถไฟภาคใต้ กล่าวอีกว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าติดตามสถานการณ์สภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกรมอุตินิยมวิทยา ภาคใต้ระบุว่าจะมีฝนตกต่อเนื่องไปอีก 1-2 วัน แม้ว่าเช้าวันนี้(5 ม.ค.) ฟ้าจะเริ่มเปิดบ้างแล้วแต่ในบางพื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่องทำให้จำเป็นต้อง จัดระบบการเฝ้าระวังฉุกเฉินเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.ปัตตานี ปรากฎว่า ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังพื้นที่ราบลุ่มหลายจุดใน อ.ยะหริ่ง อ.เมือง อ.ยะรัง นอกจากนั้นทางเขื่อนบางลาง จ.ยะลา ได้มีการแจ้งเตือนว่า ได้ทำการระบายน้ำออกจากเขื่อนลงมาทางแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานีเพิ่มระดับสูงขึ้น ส่งผลให้พื้นที่ราบลุ่มและพื้นที่ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำปัตตานีเกิดระดับน้ำ ล้นตลิ่ง จนเกิดน้ำท่วมขังขึ้นเป็นระลอกที่สอง โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ปะกาฮารัง และ ต.บาราเฮาะ เขต อ.เมืองปัตตานี ชาวบ้านต้องขนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จัดเก็บไว้ในที่สูง หลังจากที่ผ่านมาเคยประสบปัญหาถูกน้ำท่วมมาแล้ว ซึ่งช่วงนั้นมีน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานานเกือบ 1 เดือน และสถานการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุดนี้ ทางพี่น้องประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนมาก เบื้องต้นมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้ว 700 ครัวเรือน โดยมีระดับน้ำสูง 1 เมตร ถนนภายในหมู่บ้านบางสายถูกน้ำท่วมขัง จนประชาชนต้องใช้เรือในการสัญจรไปมาออกจากหมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายประมุข ลมุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ก็ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสภาพน้ำท่วมแล้ว เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน เนื่องจากยังคงมีการระบายน้ำออกจากเขื่อนบางลางอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่า บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงมีฝนตกกระจายแผ่ปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย คือ แม่น้ำสุไหงโก-ลก แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำสายบุรี มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของราษฏร รวมถึงพื้นที่ทางการเกษตร อีกทั้งยังท่วมขังสถานที่ราชการต่างๆ โรงเรียน วัด และมัสยิด เป็นวงกว้าง จำนวน 50 ตำบล 283 หมู่บ้าน มีราษฏรได้รับความเดือดร้อน 7,186 ครัวเรือน รวม 32,584 คน โดยมีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยรวมเฉลี่ย 80 - 100 ซ.ม. โดยเฉพาะพื้นที่ อ.เมือง อ.ระแงะ และ อ.แว้ง ประสบปัญหาน้ำท่วมหนักที่สุด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้อพยพราษฎรผู้ประสบภัยไปอาศัยอยู่ตามสถานที่ราชการ ต่างๆเป็นการชั่วคราวแล้วในเบื้องต้นจำนวน 162 ครัวเรือน รวม 211 คน นอกจากนี้ภาวะน้ำท่วม ยังส่งผลต่อคอสะพาน เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวกราก ได้พัดคอสะพานได้รับความเสียหาย 5 แห่ง จนยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ส่วนสถานที่ราชการและโรงเรียนจำนวนกว่า 10 แห่ง ได้ประกาศงดให้บริการและหยุดทำการเรียนการสอนชั่วคราวเบื้องต้นจำนวน 2 วัน หากสถานการณ์น้ำท่วมลดลงจนคลี่คลายไประดับหนึ่ง จะเปิดให้บริการและทำการเรียนการสอนตามปกติ ส่วนกรณีขบวนรถไฟ จำนวน 14 ขบวน ที่วิ่งทั้งขาขึ้นและขาล่องจากสถานีรถไฟต้นทางสุไหงโก-ลก จรดปลายทางสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี และหัวลำโพง ยังคงหยุดให้บริเวณประชาชนเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่แขวงการทางสถานีรถไฟตันหยงมัส อ.ระแงะ ยังทำการซ่อมแซมดินกันทางของรางรถไฟที่บริเวณหลักกิโลเมตร 1095 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 1098 ของสถานีรถไฟสะโลตราแดะ ม. 1 ต.เฉลิม อ.ระแงะ คิดเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร ที่ดินกันทางได้เลื่อนไหลลงมา โดยยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากในช่วงเวลากลางคืนเจ้าหน้าที่ไม่กล้าที่จะทำการซ่อมแซม เกรงว่าจะไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งซ่อมแซมให้แล้วเสร็จในเวลา 1 - 2 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้บริการ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook