รวบ 3 ผู้ต้องสงสัยสอบโยงยิง 4 ตร.รือเสาะ

รวบ 3 ผู้ต้องสงสัยสอบโยงยิง 4 ตร.รือเสาะ

รวบ 3 ผู้ต้องสงสัยสอบโยงยิง 4 ตร.รือเสาะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทหารนราธิวาส รวบ 3 ผู้ต้องสงสัย พร้อมปืนสงครามจำนวน 2 กระบอก ที่ อ.ศรีสาคร สอบโยงเหตุยิง 4 ตำรวจรือเสาะ

ร.ต.ศิริวิวัฒน์ แสงประสิทธิ์ ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 4914 นำกำลังรวม 12 นาย ตั้งจุดตรวจจุดสกัดลอยบนถนนในพื้นที่บ้านกะดือ ม.1 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร หลังรับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์ต้องสงสัยใช้รถยนต์เป็นพาหนะโดยภายในรถมีอาวุธปืนสงครามซุกซ่อนอยู่ ซึ่งเมื่อรถต้องสงสัยตามที่ได้รับรายงานขับผ่าน เจ้าหน้าที่เรียกขอตรวจค้น พบอาวุธปืนสงคราม 2 กระบอก คือ ปืน M 16 หมายเลขประจำปืนคือ SER 19805 และปืนอาก้า หมายเลขประจำปืนคือ 11033783 พร้อมกระสุนทั้ง 2 ชนิดรวม 53 นัด โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 3 ราย พร้อมรถยนต์นิสสัน สีดำ ทะเบียน กค 991 นราธิวาส สอบปากคำที่กรมทหารพรานที่ 49 ทราบชื่อ 1. นายสุกรี มาแต อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.2 ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็น อส.ประจำที่ว่าการอำเภอรือเสาะ 2. นายมะนาวี มามุ อายุ 32 ปี เป็น ผช.ผญบ.ม.4 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และอีกรายเป็นชาว อ.รือเสาะ

จากการสอบปากคำทั้ง 3 ราย ให้การว่าอาวุธปืนเป็นของราชการ โดยเดินทางเพื่อทำธุระที่ อ.ศรีสาคร โดยเพื่อความชัดเจนเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในสารบบไม่พบว่าเป็นปืนที่ถูกปล้นไปจากค่ายทหารในพื้นที่ แต่จะได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่าเคยนำไปใช้ในการก่อเหตุในพื้นที่ใดบ้าง โดยเฉพาะคดีล่าสุด เหตุคนร้ายยิงถล่ม ร.ต.ท.พิชัย ประทุมสุวรรณ รอง สวป.สภ.รือเสาะ และลูกน้องเสียชีวิต 4 นาย ที่หน้าโรงเรียนอนุบาลรือเสาะ และหากพบว่า ทั้ง 3 ราย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะได้ปล่อยตัวไป

 

'อภิสิทธิ์'เรียกร้องรบ.ทำงานเชิงรุกคุยBRN

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาข้อเสนอ 5 ข้อ ของกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น อยากให้รัฐบาลทำงานเชิงรุกมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นช่วงเดือนรอมฎอน แม้จะมีการพูดคุยลดเหตุความรุนแรง แต่สถานการณ์ยังมีต่อเนื่อง ดังนั้น จึงควรสร้างความชัดเจนถึงเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า เมื่อมีการพูดคุยแล้ว ความสงบจะเกิดขึ้นในพื้นที่

อย่างไรก็ตามเห็นว่า การพูดคุยจำเป็นต้องมี แต่รูปแบบการทำงานควรทบทวนให้รัดกุมมากขึ้น และรัฐบาลต้องเปิดใจคุยกัน เพื่อแสดงความจริงใจทั้ง 2 ฝ่าย


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook