"ภาษีคนโสด" ดร.เสรี ดักรัฐบาลอย่าบ้าจี้ทำตาม

"ภาษีคนโสด" ดร.เสรี ดักรัฐบาลอย่าบ้าจี้ทำตาม

"ภาษีคนโสด" ดร.เสรี ดักรัฐบาลอย่าบ้าจี้ทำตาม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ภาษีคนโสด" ยังแรง ดร.เสรี วงษ์มณฑา โพสต์เฟซบุ๊กดักคอรัฐบาล อย่าบ้าจี้ทำตาม ขู่ระวังเจอม็อบ

จากกรณีที่นายเทอดศักดิ์ ชมโต๊ะสุวรรณ เลขานุการคณะเศรษฐศาสตร์ และอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เสนอแนะแนวทางให้ภาครัฐออกนโยบายสนันสนุนให้คนไทยมีลูกเพิ่มขึ้น เช่น โครงการลูกคนแรก โดยรัฐช่วยสนันสนุนค่าใช้จ่าย การเลี้ยงดูให้กับครอบครัวที่มีลูกคนแรก รวมถึงให้เงินอุดหนุน หรือลดภาษีสำหรับครอบครัวที่มีลูก 2 - 3 คน นอกจากนี้ควรเรียกเก็บภาษีคนโสด ภาษีคนไม่มีลูก กระตุ้นให้มีครอบครัวเพื่อลดภาระงบประมาณ การใช้สวัสดิการดูแลของภาครัฐในอนาคตนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (7 ก.ย.) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและประชาสัมพันธ์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ "ภาษีคนโสด" ดังนี้

คนที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายเก็บภาษีคนโสดและคนไม่มีลูกเพิ่มอย่าด่ารัฐบาลนะ เพราะความคิดนี้ไม่ได้มาจากรัฐบาล แต่มาจากอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ท่านหนึ่งที่มองว่า ถ้าหากคนแต่งงานน้อยลง มีลูกน้อยลง จะทำให้มีเด็กที่โตมาเป็นคนวัยทำงานน้อย แล้วรัฐก็จะเก็บภาษีได้น้อย ไม่มีเงินมาเลี้ยงดูคนแก่วัยเกษียณซึ่งปัจจุบันก็อายุยืนขึ้น

ท่านก็เลยอยากให้คนแต่งงานและมีลูก เพื่อจะได้มีเด็กโตเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น มาช่วยกันเสียภาษีให้มากขึ้น เพื่อจะได้มีเงินดูแลคนแก่วัยเกษียณ ท่านคิดอย่างนี้เพราะท่านเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ให้ความสำคัญกับการเงินการคลังมากกว่าที่จะมองประเด็นทางสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ ตลอดจนวิทยาศาสตร์การแพทย์

คนที่ไม่แต่งงานมีตั้งหลายสาเหตุ

ไม่พร้อมด้านเศรษฐกิจ

ไม่พร้อมที่จะผูกพัน

กลัวชีวิตคู่

ยังหาคนถูกใจไม่ได้

ยังไม่เป็นที่ถูกใจใคร

เป็นเก้งกวาง

เป็นกะเทย

เป็นผัวกะเทย

เป็นสาวแปลงเพศ

เป็นทอม

เป็นดี้

อกหักเข็ดแล้วความรัก

มีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับชีวิตคู่จากพ่อแม่

อยากมีอิสระในการใช้ชีวิต

ไม่ต้องการมีห่วงมาผูกคอ

สุขภาพไม่อำนวย

เป็นคนพิการบางประเภท

ส่วนคนที่ไม่มีลูกมีตั้งหลายสาเหตุ

ไม่พร้อมทางเศรษฐกิจ

ไม่พร้อมเป็นพ่อแม่

กลัวเลี้ยงลูกไม่ได้ดี

ไม่อยากมีห่วงผูกคอ

คิดว่าเลี้ยงลูกให้ดียาก

ไม่อยากพาใครมาทุกข์ยากบนโลกใบนี้

สุขภาพไม่อำนวย

เป็นหมัน

เครียดจนเชื้อไม่แข็งแรงพอ

ฝ่ายหญิงไม่ต้องการมีลูก

กลัวภาระที่จะเกิดขึ้นในการเลี้ยงลูก

ไม่มีใครช่วยดูแลลูก ต้องทำงานทั้งคู่

ความคิดและสภาพเหล่านี้สมควรที่จะถูกลงโทษด้วยการเก็บภาษีเพิ่มอีกเหรอ การเป็นโสดโดยไม่สมัครใจ ไม่ใช่ทางเลือกแต่ไม่มีใครจะแต่งด้วยนั่น ก็เป็นความเหงาความระทมขมขื่นพอแล้วนะ จะซ้ำเติมกันอีกทำไม เรื่องคนจะมีผัวมีเมียหรือไม่ น่าจะเป็นสิทธิส่วนบุคคลนะ ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลยแม้แต่น้อย และการที่คู่สมรสบางคู่เขาไม่ต้องการมีลูกเพราะกลัวลูกลำบากในโลกนี้ ก็เป็นสิทธิ์ที่เขาจะคิดนะ และอาจจะคิดถูกด้วย ขีวิตในโลกนี้ ทุกขังอนิจจังอนัตตานะ และทุกวันนี้เคยสังเกตไหมว่าลูกที่เป็นโสดมักจะเป็นคนเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ดีและเต็มที่กว่าลูกที่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว

ขอแชร์ความคิดนะ และขอย้ำว่าความคิดเรื่องเก็บภาษีคนโสดและคนไม่มีลูกเป็นของนักวิชาการ ไม่ใช่ของรัฐบาล ดังนั้นอย่าด่ารัฐบาลนะ

ที่พูดมานั้นเขาเรียกว่าตีปลาหน้าไซ คือพูดดักไว้ก่อนว่ารัฐบาลอย่าได้บ้าจี้เต้นตามข้อเสนอนี้

ย้ำอย่าด่ารัฐบาลนะ

โดยก่อนหน้าที่จะโพสต์ข้อความเกี่ยวกับ "ภาษีคนโสด" ดร.เสรี ยังมีการโพสต์ข้อความว่า ถ้ารัฐบาลบ้าจี้ออกกฎหมายเก็บ "ภาษีคนโสด" ก็เตรียมเจอม็อบได้เลย พร้อมแนะรัฐบาลว่าถ้าจะมีนโยบาย "ภาษีคนโสด" ก็ควรมีนโยบาย ผัวคนแรก , เมียคนแรก , ลูกคนแรก และควรออกกฎหมายให้คนที่รักเพศเดียวกันแต่งงานได้ด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ดร.เสรี วงษ์มณฑา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook