รัฐบาล ดึงผบ.ทบ.ดับไฟใต้อภิสิทธิ์ลากครม.ลงยะลา-ปัตตานี 17 ม.ค.นี้

รัฐบาล ดึงผบ.ทบ.ดับไฟใต้อภิสิทธิ์ลากครม.ลงยะลา-ปัตตานี 17 ม.ค.นี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รัฐบาล ดึง ผบ.ทบ.ดับไฟใต้ อภิสิทธิ์ ควง ครม.พิเศษลงพื้นที่ ยะลา ปัตตานี 17 ม.ค.นี้ สุเทพ ลั่น ไม่ใช้ทหาร จัดการม็อบเสื้อแดง ชี้เป็นหน้าที่ตำรวจ

// //

(13 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้เชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะรองผู้อำนวยการกองรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มาร่วมหารือถึงกรณีที่ครม.มีมติตั้งครม.คณะพิเศษขึ้นมาแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการหารือครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง

นายสุเทพ กล่าวภายหลังการหารือว่า หลังจากที่ครม.มีมติแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีพิเศษแก้ปัญหาภาคใต้ ซึ่งจะมีการพัฒนาและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่คนภาคใต้ โดยจะต้องทำงานประสานกับกอ.รมน. และมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ดังนั้นตนจึงได้อธิบายให้ผบ.ทบ.ได้รับทราบถึงแนวนโยบาย และให้ไปเตรียมการต้อนรับคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งบรรยายสรุปในภารกิจที่ได้ดำเนินการมาทั้งหมด รวมถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงในพื้นที่ รวมทั้งได้แจ้งว่าตนและคณะรัฐมนตรีที่ได้มอบหมายจะลงพื้นที่เพื่อไปดูโครงการต่าง ๆ ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ซึ่งผบ.ทบ.รับไปดำเนินการ อย่างไรก็ตามการหารือครั้งนี้ไม่ได้มีการมอบหมายในเรื่องของการดูแลความสงบเรียบร้อยในการประชุมอาเซียนซัมมิท เนื่องจากหน้าที่ดังกล่าวเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยกเว้นในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่ากำลังไม่พอและเหลือบ่ากว่าแรง ทางตำรวจจะประสานไปยังทหารเอง โดยรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงไม่ต้องสั่ง

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า การเดินทางไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้จะเป็นการไปเช้าเย็นกลับ โดยนายกรัฐมนตรีจะนำคณะรัฐมนตรีพิเศษลงไปทั้งหมด เพราะเข้าใจว่ารัฐมนตรีหลายคนเป็นรัฐมนตรีใหม่จึงอยากให้ไปสัมผัสพื้นที่จริงในจ.ยะลา และปัตตานี เพราะรัฐมนตรีหลายคนใหม่สำหรับพื้นที่ภาคใต้จึงต้องการลงไปรับรู้และทำความเข้าใจปัญหา เพราะปัญหาภาคใต้จำเป็นต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นปัญหาสะสมมานานนับ 100 ปี และรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือกับทหาร โดยรับฟังและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในพื้นที่ จะไม่ทำเหมือนในอดีตที่มีการทำร้ายร่างกายไม่ได้ รัฐบาลจะเน้นทำความเข้าใจร่วมปรึกษาหารือ เวลานี้เข้าใจว่าสังคมกำลังคาดหวังว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์จะแก้ปัญหาได้ รัฐบาลให้ความสำคัญจึงได้ตั้งรัฐมนตรีพิเศษที่มีทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สังคม เข้ามาทำงานร่วมกัน เพราะคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนจำนวนมากไปศึกษาต่อทางด้านศาสนาที่ต่างประเทศและกลับมาไม่มีงานทำ ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องเน้นในเรื่องของการสร้างงาน โดยเฉพาะกรณีใครอยากจะสอนหนังสือในโรงเรียนเอกชน รัฐบาลจะต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่ และหากใครต้องการจะทำงานอย่างอื่นก็มาพูดคุยเพื่อที่จะได้หาทางช่วยเหลือต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์การเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดงจำเป็นที่จะต้องให้ทหารมาช่วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่คิดว่าสถานการณ์จะรุนแรง รัฐบาลก็จะพยายามแก้ไขไปตามสถานการณ์ตามเหตุการณ์ แต่อาจจะต้องพึ่งพากำลังมากขึ้น เพราะการที่ตำรวจออกมาน้อย และไม่มีอาวุธก็ไม่สามารถต้านมวลชนที่มีอาวุธได้ แต่ยืนยันว่าจะดูตามสถานการณ์และจะไม่ใช้ความรุนแรง

รัฐบาลจะไม่ใช่กำลังทหารเลย เพราะทหารมีหน้าที่เป็นรั้วของชาติ ช่วยดูแลปัญหาชายแดนภาคใต้ เขมร และพม่า ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ ผมมีหน้าที่ทำงานร่วมกับทหารเกี่ยวกับความมั่นคง ปัญหาภายในประเทศเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องช่วยกันทำหน้าที่และแบ่งหน้าที่กัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นจุดไหนที่จะต้องให้ทหารออกมาช่วย หากให้ออกมาช่วยทหารก็ต้องออกมามือเปล่า รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีมาตรการในการเจรจากับมวลชนเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการเจรจาตลอด บางคนก็เจรจาได้ บางคนเจรจาไม่ได้ แต่หลังจากนั้นการเคลื่อนไหวก็เบาลงพอสมควร เพราะบางคนก็ยอมรับและเข้าใจ ต้องคิดว่ากลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเป็นคนไทยเหมือนกัน เมื่อรัฐบาลได้พยายามอธิบายก็เข้าใจมากขึ้น และได้รับความเข้าใจระดับหนึ่ง ส่วนอะไรที่ต้องสู้ก็สู้กันไป อะไรที่สมควรร่วมมือก็ร่วมมือกันต่อไป เพื่อให้ชาติดีขึ้น แต่บางท่านก็ยังไม่ยอม ซึ่งก็ไม่เป็นไรเราก็สู้ต่อไปอย่าไปท้อถอย

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการประเมินการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ว่าจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน นายสุเทพ กล่าวว่า ประเมินไม่ถูก เพราะฝ่ายเสื้อแดงคิดไปทำไป การให้ประเมินล่วงหน้าเป็นเรื่องยาก และยังไม่ได้ใช้หน่วยการข่าวของรัฐบาลให้เป็นประโยชน์ในเรื่องนี้ หน่วยข่าวของรัฐบาลมีไว้ประเมินในเรื่องอื่น การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงไม่ต้องใช้หน่วยการข่าว เพราะเห็น ๆ กันอยู่ทุกวัน ใครเป็นหัวหน้าก็ออกมานั่งแถลงข่าว เรียงเป็นตับเห็นหน้ากันยอยู่ทุกวัน ไม่ต้องใช้ข่าวกรองในการค้นหา ยืนยันว่าไม่ได้กำชับส.ส.ในพื้นที่จับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่ตั้งรัฐบาลเป็นต้นมายังไม่ได้ประชุมส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเลย และไม่คิดว่าจำเป็นต้องทำอย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ากลุ่มเพื่อนเนวินจะเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า กลุ่มเพื่อนเนวินไม่ได้มีบทบาทในเรื่องนี้เนื่องจากกำลังวุ่นอยู่กับการช่วยงานรัฐบาล และคิดถึงอนาคตทางการเมือง จึงไม่มีใครได้ไปดำเนินการเกี่ยวกับเสื้อแดง ขณะนี้ทุกฝ่ายติดตามและแก้ไขไปตามสถานการณ์จริง เมื่อถามว่าการที่รัฐบาลไม่ได้ส่งหน่วยข่าวลงไปหาข้อเท็จจริงเป็นเพราะประเมินการเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดงต่ำไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการประเมินต่ำ อย่าไปพูดอย่างนั้นเดี๋ยวเขาโกรธ ตนไม่ได้ประเมินว่าใครสูง ใครต่ำ แต่ให้ความเคารพว่ากลุ่มเสื้อแดงสามารถที่จะแสดงออก และเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาและรัฐบาลจะปฏิบัติกับกลุ่มเสื้อแดงเหมือนกับทุกคนที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ รัฐบาลไม่เคยสร้างเงื่อนไขให้มวลชนเสื้อแดงต้องออกมาเคลื่อนไหว หรือทำให้เกิดความขัดแย้ง

เมื่อถามว่าหลังการเลือกตั้งซ่อมสื่อต่างประเทศมองว่าอิทธิพลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเริ่มเสื่อมถอยลง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดจาถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ในเชิงลบเพราะพ.ต.ท.ทักษิณจะเข้าใจผิด เดี๋ยวจะหาว่าตนไปซ้ำเติม ตนไม่คิดว่าคะแนนความนิยมของพ.ต.ท.ทักษิณจะลดลงเพราะไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา วันนี้สิ่งที่เราต้องคิดคือได้กำลังใจว่าพี่น้องประชาชนเทใจให้นายอภิสิทธิ์ ต้องการเห็นรัฐบาลแก้ปัญหา ถือเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีอย่างยิ่งในการทำงานต่อไป

คำมั่นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะต้องคุ้มครองสื่อให้ปลอดจากอำนาจรัฐ-อำนาจทุน

สำหรับข่าวโทรทัศน์วันนี้ที่มีการคุยข่าวไปเรื่อยๆ เป็นอันตราย แม้ข้อดีคนจะได้มีความเพลิดเพลิน แต่อันตรายของการคุยข่าวคือการชี้นำ เพราะไม่เหมือนกับการอ่านข่าวหรือประกาศข่าวอย่างที่เราเห็นในอดีต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook