มาร์คยันไม่เหลิง วอนทุกพรรคลดขัดแย้ง เพื่อนเนวินซบภูมิใจไทยคุยพรรคอันดับ2 เสนาะแบะท่าร่วมรบ.

มาร์คยันไม่เหลิง วอนทุกพรรคลดขัดแย้ง เพื่อนเนวินซบภูมิใจไทยคุยพรรคอันดับ2 เสนาะแบะท่าร่วมรบ.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อภิสิทธิ์ ยกผล ปชป.-พรรคร่วมรบฯ ชนะเลือกซ่อม อ้างชาวบ้านอยากให้ลดขัดแย้ง ยันไม่เหลิงอำนาจ เรียกร้องทุกพรรคผลักดันสนธิสัญญาอาเซียน-งบกลางปีผ่านสภาฯ พท.ชี้เหตุพ่าย ติด 90 วัน-ขาดหัว-ไร้ขุนพล จตุพรท้า ปชป.ยุบสภาถ้าคิดว่ากระแสดี เพื่อนเนวินเปิดตัวซบภูมิใจไทย คุยเป็นพรรคใหญ่อันดับ 2 เสนาะเผยโดนทาบ แบะท่าร่วม รบ. อภิสิทธิ์ไม่เหลิงชนะเลือกซ่อม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 12 มกราคม จะไม่เหลิงกับผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 26 เขต ที่พรรคร่วมรัฐบาลกวาดที่นั่งได้ถึง 20 ที่นั่งจากทั้งหมด 29 ที่นั่ง เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา แม้รัฐบาลครองเสียงข้างมากเพิ่มขึ้นจาก 235 เสียงเป็น 255 เสียงก็ตาม พร้อมกับกล่าวอ้างผลที่ออกมาเช่นนี้เป็นการสะท้อนประชาชนต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และต้องการให้การแก้ปัญหาต่างๆ เดินไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น

ในการให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 09.45 น. นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ต้องการเห็นความแตกแยกลดลง และต้องการให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ เดินไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจาก ส.ส.ทั้งเก่าและใหม่ด้วย จึงถือโอกาสเชิญชวน ส.ส. ไม่ว่าพรรคใด หรือฝ่ายไหนให้มาร่วมกันผลักดันเรื่องสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการประชุมสุดยอดอาเซียน และเรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 ที่รัฐบาลจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาในช่วง 2 สัปดาห์แรกของสมัยประชุมนี้ เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า สมเจตนารมณ์ที่ประชาชนสะท้อนออกมาผ่านการเลือกตั้ง ทั้งนี้ คาดว่าประชาชนจะเริ่มเห็นผลงานของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป โดยเฉพาะมาตรการด้านเศรษฐกิจ

อ้างปชช.อยากให้ก้าวพ้นขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่าการได้ที่นั่ง ส.ส.ในภาคเหนือและอีสานสะท้อนอะไร นายกฯกล่าวว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุป เป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อม แต่คิดว่าทั่วทุกภาคของประเทศส่งสัญญาณว่าต้องการให้การเมืองก้าวพ้นจากความขัดแย้ง และต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ซึ่งทุกพรรคการเมืองต้องการมีผู้สนับสนุนทุกพื้นที่ และได้ประกาศไปแล้วว่าจะทำงานเพื่อคนทุกภาค

ส่วนที่บางฝ่าย วิเคราะห์เหตุที่พรรคร่วมรัฐบาลชนะเลือกตั้ง เป็นแรงเหวี่ยงจากการที่ประชาชนไม่พอใจการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ขอวิเคราะห์ในรายละเอียด แต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าทำงาน วันนี้อยากให้นักการเมืองคิดว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองออกจากวิกฤต และเชื่อว่าพรรคการเมืองจะสนองตอบต่อเจตนารมณ์ของประชาชน

สำหรับแนวทางในการประสานงานระหว่างรัฐบาลกับสภานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้พยายามประสานงานกับฝ่ายค้านอยู่ แต่เนื่องจากฝ่ายค้านต้องปรับเปลี่ยนเรื่องผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องใช้กลไกคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การได้ที่นั่ง ส.ส. ในสภาเพิ่มขึ้น จะทำให้รัฐบาลเหลิงอำนาจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องเหลิงอำนาจไม่มีแน่ ยืนยันได้ เสียงของรัฐบาลที่ได้มาเพิ่มเติม ไม่ได้มากกว่าฝ่ายค้านจนถึงขนาดขัดขวางการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้าน ซึ่งได้วางแนวทางชัดเจนว่า ครม.ทุกคนต้องยอมรับการตรวจสอบ

สุเทพ ย้ำ3-6ด.ไม่มีปรับครม.แน่

นายกฯยังย้ำอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องปรับ ครม.เพราะจำนวนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเปลี่ยนไป เนื่องจากได้ประเมินผลการเลือกตั้งล่วงหน้าตั้งแต่ตอนจัดตั้ง ครม.แล้ว หากจะมีการปรับเปลี่ยน ครม. คงเป็นเหตุผลในการทำงาน ไม่เกี่ยวกับตัวเลข ส.ส.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันเช่นกันว่า จะไม่มีการปรับ ครม.หลังการเลือกตั้งซ่อมอย่างแน่นอนในช่วง 3-6 เดือนนี้ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลได้ตกลงกันไว้แล้วตั้งแต่ต้นว่าให้กำกับดูแลกระทรวงเดิม ไม่เกี่ยวข้องกับโควต้า ส.ส. ที่มากขึ้นหรือน้อยลง ที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคชาติไทยพูดถึงเรื่องนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว

การที่พรรคร่วมรัฐบาลได้ที่นั่ง ส.ส.เพิ่ม จะไม่มีผลต่อการปรับคณะรัฐมนตรี เชื่อว่าเสถียรภาพของรัฐบาลจะดีขึ้นเพราะหลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ทำให้รัฐบาลมี ส.ส.มากกว่าฝ่ายค้าน 45-46 เสียง จึงจะทำให้การทำงานในสภาผู้แทนราษฎรของรัฐบาลราบรื่นขึ้น

พท.ชี้เหตุพ่าย ติด90วัน-ไร้ขุนพล

ขณะที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อมที่พรรคได้เพียง 5 ที่นั่งว่า พท.เคารพเสียงประชาชน แต่ไม่ว่าจะมี ส.ส.จำนวนมากหรือน้อยก็ไม่ส่งผลต่อการตรวจสอบรัฐบาล เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมากกว่า

ทั้งนี้ จำนวนที่นั่งที่ได้น้อยกว่าการประเมินเอาไว้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเสื่อมมนต์ขลัง หรือเนื่องจากฝ่ายค้านมีข้อบกพร่อง แต่สาเหตุหลักมาจากพรรคถูกยุบมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่ง พท.ถือเป็นพรรคที่ 3 การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้คนที่มีความสามารถก็ติดปัญหาเรื่องการสังกัดพรรค 90 วันจึงแทบไม่มีตัวที่จะส่งลงสมัคร และตนไม่ได้มีบารมีอะไรมาก รวมไปถึงไม่มีขุนพลที่จะไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียง เหมือนในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรค จึงทำให้ผู้สมัครอาจเกิดความรู้สึกว้าเหว่

ที่มีการพูดกันตามสื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีหัวทำให้เกิดปัญหานั้น ยอมรับว่าใช่ เพราะพรรคนี้ศีรษะหาย แค่เดินได้และมีชีวิติอยู่รักษาตัวเองได้ก็ถือเป็นสิ่งดีมากแล้ว แต่เราคงไม่หวั่นไหวจะขออยู่ไปตามมีตามเกิด จำนวน ส.ส.ของพรรคที่ได้เพิ่มมาเพียง 5 คนนั้น ผมถือว่าต้องกราบขอบพระคุณประชาชนที่เมตตาพรรคแล้ว นายยงยุทธกล่าว

หลีกทางส.ส.นั่งหน.-ผู้นำฝ่ายค้าน

นายยงยุทธกล่าวว่า พรรคจะประชุม ส.ส.วันที่ 13 มกราคม เพื่อหารือถึงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งบุคคลนั้นจะต้องเป็นหัวหน้าพรรค

ผมไม่ได้เป็น ส.ส.ทำให้เกิดความอิหลักอิเหลื่ออยู่ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดทางให้คนที่เป็น ส.ส.มาเป็นหัวหน้าพรรค แต่จะเป็นบุคคลใดนั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุม ส.ส.ที่จะเสนอชื่อขึ้นมา แต่แม้ว่าจะมีการหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยกัน แ่ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคได้ เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันที่มีผมเป็นหัวหน้าพรรคยังไม่ได้รับการรับรองจาก กกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้ง) หัวหน้าพรรค พท.กล่าว

จตุพรท้ายุบถ้าคิดว่ากระแสดี

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ส.ส.พท.นั้นย้ายมาพรรคพลังประชาชนที่โดนยุบพรรคและมีปัญหาเรื่องการสังกัดพรรค 90 วัน จนเกิดปัญหาขึ้น แม้บางพรรคที่โดนยุบแต่มีความแตกต่างบ้าง เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา ที่ไม่ได้แจ้งรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ให้ กกต.รับทราบทุกสัปดาห์แต่อ้างว่าสมัครมานานแล้ว แต่ก็ลงสมัครได้ตรงนี้คือความได้เปรียบเสียเปรียบกัน เพราะผู้สมัคร ส.ส.นั้นต้องแนะนำตัวให้ประชาชนรู้ว่าอยู่พรรคใดด้วย การเลือกตั้งครั้งนี้ พท.หาเสียงไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ประชาชนรู้จักในระยะเวลาที่สั้น

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พท. กล่าวว่า หากนับจำนวน ถึงอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ยังมี ส.ส.เป็นอันดับ 2 อยู่ดี การเลือกตั้งครั้งนี้ หลายพื้นที่มีการใช้เงินตรา กลไกภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ อีกทั้ง พท.ติดปัญหาเรื่องการสังกัดพรรค 90 วัน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์คิดว่ากระแสพรรคดีจริงหรือคิดว่ากระแสความนิยม พ.ต.ท.ทักษิณลดลง ขอท้าให้ยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ นายจตุพรกล่าว

ส.ส.สัดส่วน พท.ปฏิเสธด้วยว่า ที่ผลการเลือกตั้งออกมาเช่นนี้ ไม่ได้เป็นเพราะประชาชนรับไม่ได้ที่กลุ่มเสื้อแดงปาไข่ใส่ฝ่ายตรงกันข้าม คิดว่าไม่ใช่ประเด็นและไม่ใช่แนวทางของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ยังมองว่ามันยังเลวร้ายน้อยกว่าการยึดสนามบิน การปาไข่พวกผมก็เคยโดนแต่ไม่เคยไปร้องแรกแหกกระเชอ นายจตุพรกล่าว

ชทพ.ชี้เก้าอี้เพิ่มไม่เกี่ยวเสถียรภาพ

นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ถือว่าผลการเลือกตั้งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะได้รับเลือกตั้งทั้งหมด 10 ที่นั่ง แต่ความจริงอยากได้ทั้ง 13 ที่นั่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เสียพื้นที่ไป 16 ที่นั่ง ขณะนี้รู้สึกสงสารผู้สมัคร 3 คน ที่สอบตก เพราะสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม รู้สึกแปลกใจพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ที่ผู้สมัครคาดว่าจะได้รับการเลือกตั้งแต่กลับไม่ได้รับเลือกตั้ง อาจจะต้องสอบถามกันต่อไปว่าเกิดอะไรขึ้น

ผลการเลือกตั้งซ่อมจึงมีผลดีต่อพรรคร่วมรัฐบาล เพราะทำให้จำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ถือว่าได้เสียงอย่างถล่มทลาย แต่ถือว่าภาพดูดีขึ้น จำนวน ส.ส.ที่เพิ่มขึ้นคงไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะเป็นคนละประเด็น เสถียรภาพของรัฐบาลขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่บริหารไม่ส่อการทุจริตและการไม่ยั่วยุให้เกิดวิกฤต ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขของ ส.ส.ในสภา ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมาแม้จะมี ส.ส.มากมายก็ไม่สามารถบริหารงานได้ นายชุมพลกล่าว และย้ำว่า แม้ ส.ส.เพิ่มขึ้น พรรคคงไม่ขอเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่ม เพราะตอนจัดตั้งรัฐบาลพรรคก็ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นที่น่าพอใจ

เพื่อนเนวินคุยแอบฝากได้4ที่นั่ง

นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จากกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย เอฟเอ็ม 98 เมกะเฮิร์ตซ์ กล่าวว่า กลุ่มเพื่อนเนวินไม่ได้ส่งผู้สมัคร ส.ส.ครั้งนี้ แต่ได้สนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ในบางพรรคและชนะเลือกตั้ง 4 คน โดยอยู่พรรคประชาราช (ปชร.) 2 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 2 คน โดย 2 คนที่สังกัด ปชร.ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านนั้น ส.ส.สามารถใช้เอกสิทธิ์ลงคะแนนได้ตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ส่วนผลการเลือกตั้งสะท้อนได้หรือไม่ว่ากระแสความนิยมของ พ.ต.ท.ทักษิณลดลง นายบุญจงกล่าวว่า ไม่อาจกล่าวได้ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ประชาชนตัดสินและจากการวิเคราะห์นั้นต้องดูแต่ละพื้นที่

พล.อ.สนธิดึงซบยังเป็นแค่ข่าว

นายบุญจงกล่าวว่า คาดว่าไม่เกินวันที่ 14 มกราคม จะมีความชัดเจนว่ากลุ่มเพื่อนเนวินจะเข้าสังกัดพรรคการเมืองใด ส่วนกระแสข่าว พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เตรียมตั้งพรรคการเมือง และเชิญกลุ่มเพื่อนเนวินเข้าร่วม โดยให้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าพรรคนั้น นายบุญจงกล่าวว่า นั้นเป็นเพียงแค่ข่าวขอยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องนี้ และยังไม่มีใครติดต่อมาแต่อย่างใด ขณะที่นายชวรัตน์กล่าวเพียงว่า พล.อ.สนธิยังไม่ติดต่อมาเพื่อขอให้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ตามที่มีกระแสข่าว ซึ่งการจะได้เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ตนเองจะตัดสินใจ แต่อยู่ที่สมาชิกภายในพรรคเป็นผู้เลือกด้วย และหากเสียงส่วนใหญ่ภายในพรรคให้การสนับสนุน ก็พร้อมที่จะรับตำแหน่ง

เสนาะ เผยได้รับเทียบเชิญร่วมรบ.

นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรค ปชร.กล่าวว่า การที่ ปชร.ได้ ส.ส.มา 4 คน ก็เพราะกระแสสังคมและการเมืองที่เกิดขึ้น ส่วน ส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์ ที่ใกล้ชิดกับเพื่อนเนวินนั้น พรรคไม่มีสัญญาใจพิเศษเพียงแต่ตนกับนายทรงศักดิ์ ทองศรี อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนผูกพันมานาน แต่ถือว่า ส.ส.มีเอกสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม รับรองว่าจะไม่พาไปในทางที่ไม่ดี ไม่ถูกไม่ต้องเด็ดขาด และที่อยู่ได้ถึงทุกวันนี้ก็เพราะว่ามีแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ที่หากไม่ถูกต้องจะไม่ร่วมงานด้วย ขณะนี้ผมเปรียบได้กับฟักไข่ให้กาเหว่าก็ว่าได้ ขณะนี้ประชาราชเดินสายกลางไม่อยู่ข้างไหน หากเป็นรัฐบาลก็ได้ซึ่งขอบคุณที่รัฐบาลยังเชิญให้เข้าร่วมอยู่ เพียงแต่ผมยังยืนยันรัฐบาลเพื่อชาติคลี่คลายวิกฤตบ้านเมือง นายเสนาะกล่าว

ก๊กเนวินเปิดตัวกับภูมิใจไทย14ม.ค.

รายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน และ ส.ส.ในกลุ่มหารือกับ ส.ส.กลุ่มมัชฌิมา ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่อาคารสิริภิญโญ ย่านถนนศรีอยุธยา เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน เรื่องการเปิดตัว ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยในเวลา 10.00 น. วันที่ 14 มกราคม พร้อมกับเตรียมการทำบัตรสมาชิกพรรคภูมิใจไทยและประกอบในเว็บไซต์ของพรรค WWW.PHUMJITHAI.ORG

นายศุภชัย ใจสมุทร สมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวิน รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มเพื่อนเนวิน หารือกันแล้วภายในหลังจากการฟังความต้องการของประชาชนในพื้นที่ก็ได้ขอสรุปร่วมกันว่าจะเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยในวันที่ 14 มกราคมจะเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการและโชว์ตัว ส.ส.ของพรรคทุกคน ที่โรงแรมสยามซิตี้ ถนนศรีอยุธยา สำหรับสมาชิกกลุ่มมัชฌิมานั้นไม่ทราบว่าจะเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยด้วยกันทั้งหมดหรือไม่ ทั้งนี้จะกำหนดวันประชุมใหญ่พรรคภูมิใจไทยในลำดับถัดไป เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค โดยกลุ่มเพื่อนเนวิน มีผู้อาวุโส 2 คน คือ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายชวรัตน์ แต่นายชัยติดที่ยังดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนั้นก็ต้องดูในส่วนของพรรคภูมิใจไทยว่าหัวหน้าพรรคคนเดิมจะยอมลาออกเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคหรือไม่

กลายเป็นพรรคอันดับ2รองปชป.

แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า การเข้าร่วมงานการเมืองกันของกลุ่มเพื่อนเนวิน และกลุ่มมัชฌิมา ในสังกัดพรรคภูมิใจไทย ทำให้พรรคการเมืองนี้มี ส.ส.ทั้งหมด 35 คน และกลายเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงเป็นอันดับสองรองจากพรรคประชาธิปัตย์ทันที โดยทั้ง 35 คน ประกอบด้วย ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ที่นำโดยนายเนวิน ชิดชอบ จำนวน 23 คน ส.ส.จากกลุ่มมัชฌิมา ของนายสมศักดิ์ 10 คน และ ส.ส.กลุ่มราชบุรี ของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม 2 คนคือนายมานะศักดิ์ จันทรประสงค์ ส.ส.นนทบุรี และนายสันทัด จีนาภักดิ์ ส.ส.กาญจนบุรี

นอกจากนี้ยังทำให้เป็นพรรคที่มีตำแหน่งสำคัญในมืออยู่ถึง 8 เก้าอี้ เป็นอันดับสองรองจากพรรคประชาธิปัตย์ที่มี 15 ตำแหน่ง คือ 1.ประธานสภาผู้แทนราษฎรของ นายชัย ชิดชอบ 2.นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 3.นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 4.นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 5.นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 6.นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 7.นายมานิตย์ นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ 8.นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โควต้าของกลุ่มราชบุรี ของนายสรอรรถด้วย

พผ.ผวาใบแดงทำโดนยุบพรรค

นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย เอฟเอ็ม 98 เมกะเฮิร์ตซ์ ว่า 3 ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่ชนะการเลือกตั้งนั้นยังบอกไม่ได้ว่าสนับสนุนฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ส่วนทิศทางของพรรคจะเป็นอย่างไรต้องรอมติพรรค วันนี้พรรคยังมีปัญหาเรื่อง 3 ใบเหลืองและ 1 ใบแดงที่รอการตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งอยู่ ยอมรับพรรควิตกอยู่ หากศาลมีความเห็นตาม กกต.นั้น พรรคก็น่าจะโดนยุบพรรค

12 ส.ส.กลุ่มประชาย้ำเป็นกลาง

ทางด้าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรค พผ.นัด ส.ส. กลุ่ม 12 ไปรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมหารือสถานการณ์ทางการเมืองที่บ้านพักย่านถนนวิภาวดี ทั้งนี้นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 12 เปิดเผยว่า ขออนุโมทนากับ ส.ส.พผ. ที่ชนะการเลือกตั้งซ่อม 3 คน ซึ่งกลุ่ม 12 ยืนยันจะวางตัวเป็นกลางทางการเมืองต่อไป แม้ประชาชนถึง 21 เขตเลือกตั้งจะให้การสนับสนุนรัฐบาลในการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาก็ตาม โดยอะไรที่รัฐบาลทำดี ก็พร้อมสนับสนุน แต่อะไรทำไม่ดี ก็พร้อมท้วงติงและโต้แย้ง ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น คงไม่มีผล และล้มรัฐบาลไม่ได้ เนื่องจากในการลงมติไม่ไว้วางใจต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ที่มีอยู่ในสภา ตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้เสียงฝ่ายค้านไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ดังนั้นถ้ามียื่นญัตติกลุ่มจะดูว่ามีน้ำหนักหรือไม่ ถ้าไม่มีน้ำหนักก็จะไม่ร่วม แต่ถ้ามีประเด็นที่ร้ายแรงจะส่งตัวแทนร่วมอภิปรายด้วย

ปชป.ชี้ของเก่าไม่กังวลข้อมูลเฉลิม

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พท.ขู่นำข้อมูลเงินบริจาค มาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยอ้างขณะนี้รอเพียงหลักฐานสำคัญจากตลาดหุ้นที่จะชี้ให้เห็นถึงการโอนเงินจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯรายหนึ่งไปให้พรรคการเมืองว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่กังวล เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องเก่าที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เคยขู่ว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล กรณีที่มีการโอนเงินให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผ่านบริษัททำโฆษณาที่มีชื่อ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม พรรคคงไม่เตรียมการรับมือเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลเพิ่งทำงานมาเพียง 7 วัน และยังไม่มีปัญหาเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน

ฝ่ายค้านกำลังเบี่ยงเบนประเด็น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ สาระหลักต้องเป็นความบกพร่องของการบริหารประเทศ ไม่ใช่นำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องมาแฉกลางสภา ผมอยากฝากไปยัง ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็นคนฉลาดโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น ควรกลับไปพัฒนาข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้แม่นยำถูกต้อง แทนการเล่นเกมทางการเมืองไปวันๆ ไม่ใช่จับแพะชนแกะ ซึ่งถ้าพบว่าข้อมูลเป็นเท็จ พรรคก็มีสิทธิที่จะฟ้องดำเนินคดีได้ นายศิริโชคกล่าว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ไม่ทราบเรื่อง แต่ถือเป็นสิทธิในการตรวจสอบ และผู้เกี่ยวข้องก็มีหน้าที่ต้องไปชี้แจง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook