เหยื่อดับซานติก้าเพิ่มอีก2 ยอดพุ่ง66ราย ศาลออกหมายจับเสี่ยขาวพร้อมผจก. แฉผับเคยถูกจับ47ครั้ง

เหยื่อดับซานติก้าเพิ่มอีก2 ยอดพุ่ง66ราย ศาลออกหมายจับเสี่ยขาวพร้อมผจก. แฉผับเคยถูกจับ47ครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ศาลอนุมัติหมายจับเสี่ยขาว พร้อมกก.ผจก.ซานติก้าผับ จงรักเผยคดีก้าวกว่า80% เล็งขอหมายจับคนจุดพลุ-มือเอฟเฟ็คต์รับผิดชอบเพิ่ม สรุปยอดดับ66ราย กระทรวงยุติธรรมปูดขรก.มีเอี่ยวอื้อ แฉเจอจับไม่มีใบอนุญาต47ครั้ง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (ผบช.สนว.ตร.) พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5) พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ และพนักงานสอบสวน ประชุมร่วมกันที่ห้องฝ่ายปฏิบัติการจราจร สน.ทองหล่อ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 มกราคม สรุปผลการดำเนินคดีเพลิงไหม้สถานบันเทิง ซานติก้าผับ ที่มีผู้เสียชีวิต 66 ราย

จากนั้น พล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดพระโขนง เลขที่ ส.47/52 และ ส.48/52 ลงวันที่ 10 มกราคม เพื่อจับกุมนายวิสุข หรือเสี่ยขาว เสร็จสวัสดิ์ หุ้นส่วนใหญ่ของซานติก้าผับ และนายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการบริษัทไวท์ แอนด์ บราเธอร์ ตามลำดับ ในความผิด 2 ข้อหาคือ ร่วมกันกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาร่วมกันเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งสถานบริการ ยินยอมและปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปในสถานบริการ มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนจะติดต่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยที่ไม่ต้องติดตามจับกุมตัว เนื่องจากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งอยู่แล้ว

พนักงานสอบสวนเห็นว่า ทั้งสองจัดให้มีการแสดงขึ้นในวันขึ้นปีใหม่ทั้งๆ ที่สภาพอาคารไม่พร้อม โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวัฒนา หรือเจ้าหน้าที่สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ระบุว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นรับแขกได้เพียง 500 คน หรือมีพื้นที่เพียง 500 ตารางเมตร แต่ซานติก้าผับส่งเอสเอ็มเอสเชิญชวนแขกไปนับหมื่นราย และมีแขกที่เดินทางมาเที่ยวเกินกว่า 1,000 คน เกินกว่าที่อาคารจะรับได้ นอกจากนี้ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น ประตูฉุกเฉิน ป้ายทางหนีไฟ สัญญาณไฟแจ้งเหตุ ระบบดับเพลิงอัตโนมัติก็ไม่มี แสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องหาแสวงหาผลกำไร โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้า จึงถือว่าเข้าข่ายความผิดกระทำการโดยประมาท พล.ต.อ.จงรักกล่าว

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะสอบสวนเพิ่มเติมต่อไปว่า มีผู้ใดเกี่ยวข้องที่จะต้องรับผิดชอบเพิ่มเติม เช่น คนจุดพลุ หรือคนทำเอฟเฟ็คต์ หากพบว่าพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครจะออกหมายจับเพิ่มเติมแน่นอน

ส่วนการสอบสวนหาสาเหตุเพลไหม้นั้น พล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า คืบหน้าไปกว่า 80% แล้ว อยู่ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นเพราะพลุหรือเอฟเฟ็คต์ จากการสอบสวนทีมทำเอฟเฟ็คต์ยืนยันว่า เอฟเฟ็คต์ที่ใช้ไม่สูงเกิน 5 เมตร แต่เพดานที่เกิดเหตุสูงกว่านั้น จึงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง แต่เชื่อว่าเกิดจากสองสาเหตุนี้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ทราบว่านายปุณณรัตน์ แสนเมืองชิน คนกดสวิตช์เอฟเฟ็คต์เสียชีวิตในที่เกิดเหตุไปแล้ว นอกจากนี้ยังได้รับรายงานเพิ่มเติ่มว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน คือ น.ส.มนันท์ยา บุญสาร ที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลคลองตันตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุแล้ว แต่ญาติเพิ่งมาแจ้งให้ตำรวจทราบ และรายล่าสุดเพิ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (12 ม.ค.) คือ น.ส.มายะดะห์ ฮัซซัน อาลี อะห์หมัด ชาวซูดาน ทำให้ยอดรวมของผู้เสียชีวิตทั้งหมดเพิ่มเป็น 66 คนแล้ว

ทั้งนี้ นางวีณา เลิศกมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคม เขตพื้นที่ 8 เดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ ช่วงเช้าวันเดียวกัน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยกล่าวว่า ลูกจ้างที่ทำงานและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทางซานติก้าผับต้องเสียค่าทำศพรายละ 2,300 บาท และค่าทดแทนการเสียชีวิต 60 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนเป็นระยะเวลา 8 ปี ผู้บาดเจ็บสาหัสที่ต้องหยุดพักงานและรักษาตัวต้องจ่ายค่าทดแทนการหยุดงานเป็นเงิน 60 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้าง จนถึงขณะนี้มีพนักงานที่เสียชีวิตมารับการดำเนินการช่วยเหลือแล้ว 2 คน เหลืออีก 6 คนที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา

ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีซานติก้าผับว่า นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมและคณะทำงาน รายงานข้อมูลละเอียดเพิ่มขึ้นหลายประการ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีการรายงานข้อมูลแล้วว่านายตำรวจคนใดเป็นผู้ลงนามในคำสั่งไม่ฟ้องซานติก้าผับในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อตอนนี้

ไม่เกิน 2 สัปดาห์คดีจะมีความชัดเจน นายพีระพันธุ์กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรมแจ้งว่า คณะทำงานสอบสวนกรณีเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ตรวจสอบย้อนหลัง พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานอยู่ในข่ายอาจต้องรับผิดทางวินัยและอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อาทิ กรณีการเปิดสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่ง สน.ทองหล่อได้จับกุมดำเนินคดีกับซานติก้าผับรวม 47 ครั้ง แต่กลับไม่มีการสั่งปิดสถานบริการทั้งที่ศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วไปแล้ว นอกจากนี้ในชั้นการพิจารณาสำนวนคดี พบว่ามีการจับกุมดำเนินคดีผู้บริหารซานติก้าผับ ตั้งแต่ปี 2547-2549 ในข้อหาร่วมกันจัดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายสุราในเวลาห้าม โดยสำนวนคดีได้ถูกส่งให้อัยการในระยะเวลาที่ต่างกัน แต่อัยการไม่ได้สั่งคดีภายในระยะอันควร ต่อมามีการรวมสำนวนคดีทั้ง 3 ปี และมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีร่วมกันจัดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตในปี 2551 ส่วนคดีจำหน่ายสุราในเวลาห้ามจำหน่ายยังไม่มีการพิจารณาสั่งคดี จากนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร. ไม่ได้ทำความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการทำให้คดียุติลง

สำหรับบริษัทไวท์ แอนด์ บราเธอร์ (2003) เจ้าของอาคารซานติก้าผับได้ขออนุญาตจากเขตวัฒนาก่อสร้างอาคารพาณิชย์เพื่อใช้เป็นอาคารพาณิชย์และพักอาศัย ต่อมาดัดแปลงเป็นสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขตวัฒนา ซึ่งซานติก้าผับได้เปิดให้บริการอย่างเปิดเผยนานเกือบ 5 ปี เจ้าพนักงานท้องถิ่นย่อมควรรู้ว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมาย แต่การตรวจสอบไม่พบหลักฐานว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ตรวจสอบการดัดแปลงการใช้อาคารเป็นสถานบริการแต่อย่างใด

ทางด้าน ด.ต.ประกอบ คลี่สุข อายุ 60 ปี ผู้บังคับหมู่งานสืบสวนปราบปราม สภ.ครบุรี จ.นครราชสีมา บิดา น.ส.อนุสรา คลี่สุข อายุ 30 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้ที่ซานติก้า ผับ ให้สัมภาษณ์ว่า นำ น.ส.อนุราออกจากโรงพยาบาลกรุงเทพฯ กรุงเทพมหานคร กลับมารักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ชั้น 7 โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา เนื่องจากไม่สามารถแบกรับกับค่ารักษาตัวกว่า 4 แสนบาทได้ และต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของ น.ส.อนุสรา

นพ.ชัยวิวัฒน์ ตุงคะเสรีรักษ์ แพทย์ด้านประสาทวิทยาโรงพยาบาลมหาราช แพทย์เจ้าของไข้ กล่าวถึงอาการโดยรวมของ น.ส.อนุรา ว่า ที่น่าห่วงคือประสาทการรับรู้ของผู้ป่วย โดยเฉพาะในส่วนของสมองยังไม่สามารถระบุได้ว่า ได้รับการกระทบกระเทือนมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงเป็นระยะเวลานาน และอาจจะไม่สามารถรักษาให้คืนกลับมาทั้งหมดได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook