เลือกซ่อม รบ.ได้เพิ่ม 20 เสียง

เลือกซ่อม รบ.ได้เพิ่ม 20 เสียง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ฝ่ายค้านแค่ 9 นายกฯชื่นใจรัฐบาลแกร่ง

รัฐบาลเห็นอนาคตรำไรหลังรวมพลังชนะเลือกตั้งซ่อม 22 จังหวัด ฟาด ส.ส.เพิ่ม 20 คน ทำให้มีเสียงรวมในสภา 259 คน ขณะที่ฝ่ายค้านได้เพิ่มแค่ 9 คนรวมของเดิมมีแค่ 207 คน ทำให้เป็นงานยากขึ้นที่จะล้มรัฐบาลเพราะมีเสียงต่างกันถึง 52 คน มาร์ค ยิ้มกริ่มเก้าอี้เสริม คานเหล็ก แม้จะเส้นไม่หนาแต่ก็ไม่ผุง่าย แถมย่องเงียบจูงมือ เทพเทือก เช่าเครื่องบินเหมา ลำไปร่วมงานศพ ยายเนียม ไร้เงา เสื้อแดง ต้านเผยไม่คิดว่าแหวนทองเหลืองจะกลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ส่งให้เป็นนายกฯ ให้สัญญาจะจดจำจนวันตาย ด้าน เหลิม โวมีข้อมูลเด็ด เตรียมล้มรัฐบาล แฉมีการยักยอกเงินในตลาดหลักทรัพย์แล้วเอามาบริจาคให้พรรคการเมือง ด้าน เพื่อไทย รับข้อเสนอจัดรายการ ฝ่ายค้านพบประชาชน ติงใจกว้างให้จริงอย่าขุดบ่อล่อปลาก็แล้วกัน มาร์ค ชื่นใจได้ที่นั่งเพิ่ม

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 26 เขตว่า ตนคาดว่าพรรคจะได้รับเลือกเข้ามา 7 เขต เลือกตั้งจากที่ส่ง 9 เขต การที่ประชาชนได้กรุณาเพิ่มที่นั่ง ส.ส. ให้พรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นส่วนสำคัญของการทำงานในสภามีความราบรื่นมากขึ้น

เมื่อถามว่า จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น 7 คน จะเพิ่มเสถียรภาพของรัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหน นายกฯกล่าวว่า ต้องดูตัวเลขของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ตัวเลขที่มีการประเมินกันว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะได้ 20 ที่นั่งก็มีความเป็นไปได้ จะเป็นแรงสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานของรัฐบาลมีพลังและราบรื่นขึ้น ยอมรับเสียงยังไม่เด็ดขาด

การที่ได้เสียงเพิ่มรัฐบาลจะมีความมั่นคงมากขึ้น แต่อาจไม่ถึงขั้นเด็ดขาด และคงช่วยลดปัญหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะ รัฐมนตรีไม่สามารถออกเสียงในสภาได้ ขอยืนยันว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่มีส่วนทำให้การตรวจสอบรัฐบาลอ่อนแอลง และรัฐบาลยืนยันที่จะให้ ความร่วมมือและพร้อมรับการตรวจสอบ นายอภิสิทธิ์กล่าว

ต่อข้อถามว่า เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นจำเป็นต้องมีการปรับ ครม.เพื่อเกลี่ยสัดส่วนตำแหน่งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าไม่มีความจำเป็น มีการพูดคุยกันแล้วในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ทุกอย่างเหมือนเดิม ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เสนอให้มีการประเมินผลงานรัฐมนตรีทุก 3 เดือน นายกฯ กล่าวว่า นี่เป็นอีกส่วนหนึ่ง เมื่อถามว่า เป็นห่วงการเปิดประชุมสภา ในวันที่ 21 ม.ค. หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ห่วง แต่ต้องขอความร่วมมือจากสมาชิกว่าต้องทำงานกันหนัก เพราะมีข้อตกลงและหนังสือสัญญาระหว่างประเทศจำนวนมากที่ต้องพิจารณา รัฐบาลชนะเลือกตั้งซ่อม20ต่อ9

ต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานหลังทราบผลการเลือกตั้งซ่อม 29 คน 26 เขต 22 จังหวัด อย่างไม่เป็นทางการว่า เบื้องต้นพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.เพิ่ม 7 ที่นั่ง ประกอบด้วย เขต 10 กทม. เขต 1 ราชบุรี เขต 1 สมุทร ปราการ เขต 1 สิงห์บุรี เขต 1 นครปฐม เขต 1 สระบุรี เขต 1 ลำพูน พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ 10 ที่นั่ง คือ สุพรรณบุรี เขต 1 เขต 2 อ่างทอง เขต 1 อุทัยธานี เขต 1 ลพบุรี เขต 1 นราธิวาส เขต 2 อุบลราชธานี เขต 3 ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน ฉะเชิงเทรา เขต 1 อุบลราชธานี เขต 2 บุรีรัมย์ เขต 2

ส่วนพรรคฝ่ายค้าน เพื่อไทยได้ 5 ที่นั่ง ประกอบด้วย อุดรธานี เขต 2 ลำปาง เขต 1 มหาสารคาม เขต 1 ร้อยเอ็ด เขต 2 นคร พนม เขต 1 ส่วนพรรคประชาราช ได้ 4 ที่นั่ง คือ บุรีรัมย์ เขต 2 ปทุมธานี เขต 1 ศรีสะเกษ เขต 1 และเขต 2 ส.ส.รวม 2 ฝ่าย 259 ต่อ 207

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการดังกล่าว ทำให้รัฐบาลจะมี ส.ส.เพิ่มขึ้นมาอีก 20 คน ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลมีความมั่นคงมากขึ้น จากเดิมที่มี ส.ส.อยู่ทั้งหมด 239 คน ก็จะเพิ่มเป็น 259 คน ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมี ส.ส.เพิ่มขึ้นเป็น 207 คน ซึ่งจำนวนตัวเลขดังกล่าวจะมีผลต่อการบริหารงานของรัฐบาลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นในสมัยประชุมสภาหน้านี้ อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวนี้ยังไม่รวมกับจำนวน ส.ส.อีกบางส่วนที่ถูก กกต.ให้ใบเหลืองและอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอีกจำนวนหนึ่ง

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศทั้งเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์รายงานข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลกในวันเดียวกันนี้ว่า ประชาชนชาวไทยได้ออกไปใช้สิทธิท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในการลงคะแนนเสียงการเลือกตั้งซ่อม 29 ที่นั่งใน 22 จังหวัด ซึ่งจะเป็นการทดสอบครั้งแรกของการเลือกตั้งสำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์แกนนำรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันต้องการเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างฐานเสียงของรัฐบาลให้มั่นคงยิ่งขึ้น ขณะที่พรรคฝ่ายค้านก็ต้องการจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มเติมเช่นกัน จึงต่างฝ่ายต่างอ้างว่าจะได้ที่นั่งเพิ่มเติมกว่า 20 ที่นั่งนี้ นักธุรกิจจี้เร่งฟื้นความเชื่อมั่น

นายธนพล ตั้งคณานันท์ นายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งซ่อมเชื่อว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก และไม่มีผลต่อเรื่องความเชื่อมั่น สิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเร็วที่สุด คือ เร่งฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน และต้องแก้ปัญหาเรื่องปากท้องประชาชนส่วนใหญ่ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว และภาครัฐควรเร่งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ตามประกาศไว้ให้เป็นผลรูปธรรมเร็วที่สุด

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรม การหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและภาคธุรกิจกำลังจับตาดูการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เพราะส่งผลตรงต่อเสียงข้างมากในสภา หากเป็นพรรคฝ่ายค้านได้ที่นั่งมาก ก็ทำให้เสถียรภาพรัฐ บาลและการบริหารประเทศลดลง และจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และภาพเศรษฐกิจประเทศด้วย แต่หากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้ที่นั่งมาก คงช่วยเพิ่มเสถียรภาพบริหารประเทศได้ดีขึ้น พท.ได้ 8-9 ที่นั่งก็พอใจ

ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองหัวหน้าพรรค และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค แถลงสรุปผลการเลือกตั้งซ่อมว่า แพ้ชนะไม่เป็นไร ทุกคะแนนเป็นแรงใจในภาระการเมืองที่ฝ่ายหนึ่งมีตัวช่วย แต่พรรคเพื่อไทยมีพรรคพวกคือสมาชิกที่เป็นเนื้อแท้ ได้ 8 หรือ 9 ที่นั่งก็ดีใจ แล้วไปวัดกันใหม่ในการเลือกตั้งใหญ่

ต่อข้อถามว่า เมื่อเปิดสภา จะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พรรคยังไม่มีข้อยุติเรื่องนี้ แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลที่ขึ้นมาอย่างไม่สง่างามน่าจะพิจารณาตัวเอง โดยเฉพาะการไปออกข่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์โจมตีประเทศไทยนั้น แค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะการที่ รมว.การต่างประเทศ ขึ้นเวทีพันธ มิตรฯ ชื่นชมการยึดสนามบิน ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว ไม่ต้องไปจ้างต่างประเทศไปโจมตี แค่นี้ก็ถือว่าที่สุดของที่สุดแล้ว ต่างชาติเขารับไม่ได้ แย้มมีข้อมูลลับถล่มรัฐบาล

เมื่อถามย้ำว่า ในการตรวจสอบข้อมูลรัฐบาลฝ่ายค้านมีข้อมูลเพียงพอที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนรอเอกสารสำคัญเพียงชิ้นเดียว เมื่อได้มาตนก็จะแถลงสื่อฯ ให้ได้รับทราบ เมื่อถามย้ำว่า จะ บอกได้หรือไม่ว่าข้อมูลนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวว่า มีบริษัทหนึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอาเงินออกมาจากบริษัทมาจ้างบริษัททำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นการจ้างโดยการทำสัญญาไม่ได้เป็นการจ้างจริง

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า บริษัทนี้จดทะเบียนปี 2543 มีคนที่มีชื่อและนามสกุลเป็น ส.ส.อยู่ในพรรค ๆ นี้ แต่ขณะนั้นอายุยังไม่ถึง และมีชื่อกรรมการบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ทำให้พรรคไทยรักไทยถูกยุบ เอาเงินมาแล้วไปเข้าบัญชีของอดีตเลขาฯ ไปเข้าบัญชีน้องสาวบางส่วนก็โอนเงินลงไปให้บริษัทปลาป่นภาคใต้ ซึ่งบริษัทนี้เมื่อเวลาได้เงินมาจะเบิกทีเดียวก็ลำบาก เพราะเบิกได้ครั้งละ 1.95 ล้านบาท จึงไปตั้งบริษัทขึ้นมาอีก 9 บริษัทแล้วก็นำเช็คที่ได้มาจากบริษัทที่ยักยอกเอาเงินของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอาไปเข้าบัญชีและก็เบิกมาใช้ ถ้าฟ้าดินมีจริงตนคงจะได้เอกสารชิ้นนี้ ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นพรรคการเมืองบางพรรครู้ว่าเป็นการเอาเงินของประชาชนมายังกล้ารับ ท้า มาร์ค ดีเบตเศรษฐกิจ

ที่บอกว่าผมไปวิพากษ์นอกสภาขอฝากไปถึงนายกฯ ถ้าจะกรุณาผมจะไปดีเบตกับคุณอภิสิทธิ์เห็นคุยโม้โอ้อวดว่าเก่งนักเศรษฐศาสตร์ ออกซฟอร์ด ผมเมดอินไทยแลนด์ ไม่คิดเลยว่าคนที่จบเศรษฐศาสตร์ออกซฟอร์ดที่เป็นนายกฯ จะไม่รู้เรื่องงบประมาณ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ส่วนความคืบหน้าการคัดเลือกตัวผู้นำฝ่ายค้าน นายยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าส่วนตัวไม่มีความเหมาะสม และไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาจำเป็นต้องมี ตนมองแล้วคนที่มีความสามารถคงจะเป็น ร.ต.อ. เฉลิม เพราะในช่วงเวลาวิกฤติพวกเราเห็นกันแล้วว่าคนเป็นหัวหน้ากินข้าวร้อนนอนตื่นสาย แต่คนที่ออกไปสนามก็เป็น ร.ต.อ.เฉลิม ฉะนั้นคงจะใช้เวลาอีกไม่นานที่จะมีการปรับโครงสร้างของพรรค ทั้งนี้จะมีการประชุมพรรคเพื่อหารือในเรื่องนี้วันที่ 13 ม.ค. มาร์คย่องเงียบเผายายเนียม

ส่วนการเมืองอื่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางไปร่วมงานฌาปนกิจศพนางเนียม พันธุ์มณี ที่ จ.อุบลราชธานี ว่า ตนตั้งใจจะไปร่วมงาน ถ้าใครอยากมาแสดงออกในการชุมนุมก็เป็นสิทธิของเขา เหมาะสมหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขอย้ำว่าการไปร่วมงานศพไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการแสดงออกถึงความผูกพันระหว่างบุคคล ไม่มีเหตุผลใดที่จะมาต่อต้าน เพราะยังมีโอกาสที่จะแสดงออกและต่อต้านอีกมาก

บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำขนาด 8 ที่นั่งจากท่าอากาศยานกรุงเทพ ไปยังกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี ก่อนที่จะโดยสารต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปลงที่โรงเรียนม่วงสามสิบ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลฯ เพื่อไปร่วมงานฌาปนกิจศพนางเนียม ยันไม่ใช่เป็นประเด็นการเมือง

ด้านนายสุเทพกล่าวถึงการที่ต้องเช่าเครื่องบินเหมาลำมาร่วมงานศพว่า นายกฯ มีภารกิจที่กรุงเทพฯ หลายงาน จึงไม่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารตามปกติได้ พรรคจึงตัดสินใจเช่าเครื่องบินของบริษัทเอกชนแทน เมื่อถามว่า การเช่าเครื่องของเอกชน เพราะกลัวข้อครหาเรื่อง การใช้เฮลิคอปเตอร์ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าว ว่า สาเหตุเพราะไม่สามารถนั่งเฮลิคอปเตอร์จาก กรุงเทพฯ มาถึงอุบลราชธานีได้ เนื่องจากไกลสิ้นเปลืองและเป็นเรื่องของทางราชการด้วย

เราตั้งใจไปเคารพศพยายเนียมเนื่องในโอกาสสุดท้าย ยายเนียมเป็นคนจุดประกายการสร้างโอกาสให้กับประชาชนในภาคอีสาน และยายเนียมเป็นคนที่มีความรู้สึกดีต่อนายกฯและพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพกล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านมองว่ากรณีของยายเนียม พรรคประชาธิปัตย์ใช้เป็นประตูทางการเมืองเปิดไปสู่ภาคอีสาน นายสุเทพกล่าวว่า ฝ่ายคู่แข่งคิดมากไปเอง ยายเนียมได้พบกับนายกฯ ก่อ นที่จะมาเป็นนายกฯ และได้พูดคุยหรือคิดตามแบบชาวบ้านที่อยากเห็นคนหนุ่มได้ขึ้นมาบริหารประเทศ เราไม่ได้นำกรณีของยายเนียมมาเป็นประโยชน์ทางการเมือง แหวนทองเหลืองจะเป็นตำนาน

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นายอภิสิทธิ์พร้อมด้วยนายสุเทพ และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปลงที่สนามโรงเรียนอำนวยปัญญา อ.ม่วงสามสิบ แล้วนั่งรถไปที่วัดบ้านโนนค้อ โดยมีประชาชนมารอรับนายกฯ และมาร่วมงานศพยายเนียมกว่า 2 พันคน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กว่า 1 พันนายรักษาการณ์ความปลอดภัย

นายอภิสิทธิ์กล่าวในงานศพยายเนียมว่า เสียใจที่มาเยี่ยมยายเนียมไม่ทันขณะที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล แต่ก็ได้ให้ ส.ส.มาดูแลเยี่ยมอาการแทน ส่วนแหวนที่ยายเนียมมอบให้ในวันที่มาหาเสียงเลือกตั้ง ที่หมู่บ้านกลางทุ่งนา เมื่อกลางปี 2550 นั้น ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นตำนาน และไม่เคยคิดอีกว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ซึ้งใจยายเนียม ไม่นึกว่าจะมีคุณยายคนหนึ่งที่อยู่ห่างไกลกันมากทีเดียว จะมีความผูกพันจดจำกันมา แหวนที่ได้รับแม้จะเป็นแหวนทองเหลืองไม่มีราคามากมายนัก ตนก็จะเก็บแหวนไว้ตลอดชีวิตจะขอจดจำไปไม่รู้ลืม

จากนั้นนายหลาและนายหวร คิ้วยม บุตรชายยายเนียม ได้มอบข้าวสารให้กับนายอภิสิทธิ์ ส่วนยายเจียม เกษมวรรณ น้องสาวยายเนียมที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ได้ผูกเอวด้วยผ้าขาวม้าที่ทอด้วยมือให้กับนายกฯ จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นทอดผ้าบังสุกุลและวางดอกไม้จันทน์ พร้อมกับเดินทางกลับ เปิดกว้างเสื้อแดงเคลื่อนไหว

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกครั้งถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวอีกครั้งในวันที่ 12 ม.ค.ว่า การแสดงความคิดเห็นและสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลจะไม่เข้าไปขัดขวาง แต่ต้องไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหายหรือใช้ความรุนแรงที่ผิดกฎหมาย ส่วนที่ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐ บุรุษ ให้คนไทยโดยเฉพาะคนอีสานยุติการทะเลาะกันนั้น รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการสร้างความปรองดอง และไม่ไปทะเลาะกับใคร

ผู้สื่อข่าว ถามว่า จะจัดการเรื่องรัฐตำรวจได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าได้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ต้องการเอาตำรวจมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขอให้มั่นใจว่าเราไม่ปล่อยปลลยให้สภาพบ้านเมืองเหมือนไม่มีกฎหมาย ไม่เช่นนั้นสังคมจะอยู่ไม่ได้ เมื่อถามว่าในการจัดรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ที่จะเริ่มออกอากาศในวันที่ 18 ม.ค. จะใช้ทำความเข้าใจกับกลุ่มคนที่ต่อต้านหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะทำ เพราะต้องพูดถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาลอยู่แล้ว ให้เวลารายการฝ่ายค้าน 30 นาที

ในส่วนของการจัดรายการโดยผู้นำฝ่ายค้านนั้น นายกฯกล่าวว่า กำลังตรวจสอบฝ่ายค้านอยู่เรื่องวันและเวลาของการจัดรายการ เมื่อถามว่า จะให้เวลาจัดรายการ 1 ชั่วโมงเท่ากับของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อครั้งตนเป็นฝ่ายค้านขอเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ได้เดินทางไปยังวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เพื่อร่วมงานอายุวัฒนมงคลครบ 81 ปีของสมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือสมเด็จเกี่ยว ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และเจ้าอาวาสวัดสระเกศ โดยนายอภิสิทธิ์เข้าขอพรด้วย ซึ่งสมเด็จเกี่ยว กล่าวเพียงว่า นายกฯ มีพรในตัวของตัวเอง อยู่แล้ว ขอให้เทวดาคุ้มครองรักษา ฝ่ายค้านรับข้อเสนอจัดรายการ

พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ให้เวลาฝ่ายค้านจัดวิทยุรายการ ผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ว่า หากรัฐบาลเสนอเวลาให้จริง พรรคฝ่ายค้านยินดีที่จะรับข้อเสนอดังกล่าว แต่ขอถามว่าจะให้ช่วงเวลาไม่ใช่ให้จัดช่วงตี 2 ถ้ารัฐบาลใจกว้างจริง ควรที่จะให้เวลาไม่น้อยกว่าที่รัฐบาลจัด ประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลอย่างเต็มที่

ขอเพียงแต่รัฐบาลอย่ามาหลอกลวง พอเห็นฝ่ายค้านรุกคืบหนักจึงมาขุดบ่อล่อปลา หรืออย่ามาลับลวงพราง และไม่ควรที่จะจำกัดเฉพาะผู้นำฝ่ายค้านเท่านั้น ควรให้ฝ่ายค้านจัดสรรบุคคลในการจัดรายการ ตรงนี้ควรเปิดใจกว้างอย่า เพียงอ้าปากแล้วเห็นลิ้นไก่ ส่วนตัวผู้นำฝ่ายค้านที่จะมาจัดรายการนั้นมีแน่นอน แต่หากรัฐบาล ไม่ทราบว่าจะติดต่อใครให้มาติดต่อตน หรือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พ.ต.ท.สมชายกล่าว ประวิตรยัวะถามถอดยศแม้ว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลา โหม กล่าวถึง การถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เรื่องนี้เป็นระเบียบกฎเกณฑ์ ไม่ต้องห่วงไม่มีการกลั่นแกล้ง รัฐบาลจะทำด้วยความเป็นธรรม เมื่อถามว่า ประชาชนที่ชื่นชอบ พ.ต.ท.ทักษิณอาจออกมา ชุมนุมเพราะไม่พอใจต่อเรื่องดังกล่าว รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการชี้แจงของเจ้าหน้าที่ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การเสนอถอดยศประชาชนมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง รมว.กลาโหมกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า ถามซ้ำไปซ้ำมาตนไม่ตอบ

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ. ทบ.กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า สื่อชอบถามให้เป็นประเด็น ทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบ อย่างไรก็ตามการพิจารณาต้องดูถึงความรอบคอบในทุกมิติ เสธ.หนั่นแนะทำใจเรื่องธรรมดา

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเสนอถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่า เป็นเรื่องปกติของข้าราชการตำรวจและทหาร ถ้าทำผิดกฎหมายอาญาก็ถอดยศได้ อย่างตนก็เคยถูกถอดยศมาแล้วและก็ได้รับพระราชทานยศคืน เรื่องนี้อยากให้มองเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามว่า ช่วงนี้ควรสร้างความสามัคคี ทำไมต้องเร่งถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ระเบียบมีไว้ เมื่อเห็นว่าใครกระทำผิดก็ต้องว่ากันไปตามกฎระเบียบ ละเว้นไม่ได้

เรื่องนี้เจ้าหน้าที่เขาต้องทำ ส่วนระดับผู้บังคับบัญชาและรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ถอดก็ไม่ได้ไม่เช่นนั้นตำรวจจะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การถอดยศเป็นเรื่องของระบบราชการ อย่าไปคิดอะไรมาก นายพลก็ถูกถอดยศได้เหมือนกัน พล.ต.สนั่น กล่าว พท.ขู่ สตช.ถอดยศเจอฟ้อง

พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ยังไม่เหมาะสม กระบวนการถอดถอนควรรอบคอบเป็นกลางและเป็นธรรม วันนี้มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนที่ต้องคดีอาญา แต่ไม่มีการถอดยศ อาทิ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ สิ่งเหล่านี้สะท้อนกลับมายัง ผบ.ตร.ว่ากระทำถูกต้องหรือไม่

พ.ต.ท.สมชายยังกล่าวด้วยว่า หาก สตช. มีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณจริง ตนจะฟ้อง สตช. ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนต้องการให้ ผบ.ตร.วางตัวเป็นกลางไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และเลิกเป็นเครื่องมือและรับใช้นักการเมือง ซึ่งในสัปดาห์หน้า ร.ต.อ.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปแจ้งความ กรณีดังกล่าวด้วย ฮุนเซนเปลี่ยนใจร่วมประชุม

ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนมเปญประเทศกัมพูชา ว่า นายเขียว กันหะริธ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาตกลงที่จะไปร่วมประชุม สุดยอดผู้นำอาเซียน หรืออาเซียน ซัมมิท ที่ประเทศไทยในเดือน ก.พ. ที่จะถึงนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีแถลงการณ์ออกมาว่า สมเด็จฮุนเซนอาจจะไม่มาร่วมประชุมด้วยเพราะไม่สะดวกที่จะมาร่วมประชุมด้วยหลังการย้ายสถานที่จัดการประชุมจากกรุงเทพฯ เป็น อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยโฆษกรัฐบาลกัมพูชาแถลงยืนยันว่า สมเด็จฮุนเซนไม่ได้พูดว่าจะไม่มาร่วมประชุมด้วย เพียงแต่ว่ามีอุปสรรคปัญหาบางประการแต่หลังจากหารือกันแล้ว นายกรัฐมนตรีกัมพูชามั่นใจว่าสามารถร่วมประชุมได้.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook