ประเวศชูทฤษฎีสีเหลี่ยมปชต.ล้างเผด็จการนักเลือกตั้ง

ประเวศชูทฤษฎีสีเหลี่ยมปชต.ล้างเผด็จการนักเลือกตั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(10ม.ค.) นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสประธานมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติปาฐกถาพิเศษอารยะประชาธิปไตย การสร้างความเข้มแข็งการเมืองและภาคพลเมือง ตอนหนึ่งว่า ระบบประชาธิปไตย ประกอบด้วย องค์กรทางการเมือง และวัฒนธรรมประชาธิปไตย แต่ 70 กว่าปีที่ผ่านมา ประชาธิปไตยล้มลุกคลุกคลาน เนื่องจาก สังคมไทยให้ความสนใจเฉพาะองค์กรทางการเมือง เราปล่อยนักการเมืองที่มีอยู่ประมาณ 3 , 000-4 , 000 คน พอถึงเวลาก็ใช้เงินใช้ทองในการเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาล แต่เป็นพวกความรู้น้อย สุจริตน้อย และคนกลุ่มนี้ก็กำหนดทิศทางของสังคมนำไปสู่ความเดือดร้อนในบ้านเมือง ทั้งที่เรามีชุมชนหมู่บ้าน 7 หมื่นหมู่บ้าน มีมหาวิทยาลัยนับร้อยแต่กลับไม่มีพลังที่จะขับเคลื่อนสังคมได้ปล่อยให้นักการเมืองที่มีความคับแคบนำพาไป

ราษฎรอาวุโส กล่าวต่อว่า การสร้างสังคมที่เป็นอารยะประชาธิปไตยนั้นควรให้ความสนใจสี่เหลี่ยมประชาธิปไตย คือ คนไทยทุกคนเป็นพลเมืองชั้นหนึ่ง มีจิตสำนึกประชาธิปไตย มีการกระจายอำนาจ และประชาชนมีส่วนร่วมในกิจสาธารณะทุกประเภท ตอนนี้คนไทยไม่ได้เป็นพลเมืองชั้นหนึ่งเหมือนกัน คนชั้นล่างเป็นคนไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี ไม่สามารถเข้าถึงการใช้ทรัพยากรของประเทศได้อย่างเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน ป่าไม้ หรือสุขภาพ ประกอบกับกฎหมายของเราก็ยังมีอคติกับคนจนอีกด้วย

// //

นอกจากนี้ โครงสร้างอำนาจรัฐไทยยังเป็นเผด็จการมานาน มีการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จจากส่วนกลาง อำนาจรัฐควบคุมประเทศหมดทุกตารางนิ้วโดยผ่านกลไกของกระทรวง ทบวง กรม วิธีการเอาคนไปใช้อำนาจรัฐก็เป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น ไม่สนใจประชาชน แม้จะเปลี่ยนผู้นำแต่โครงสร้างยังดำรงอยู่ จากประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยตั้งแต่ราชาธิปไตย เปลี่ยนมาเป็นคณะราษฎร จนมาถึงนักเลือกตั้ง โครงสร้างอำนาจรัฐเผด็จการก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อำนาจรัฐที่เป็นเผด็จการนี้จะกินงบประมาณในแต่ละปีเยอะมาก แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศได้เลยไม่ว่าจะเป็นความยากจน ปัญหาภาคใต้ หรือสิ่งแวดล้อม เอาเงินภาษีของประชาชนไปกินกันโดยขาดธรรมาภิบาลอย่างใหญ่หลวง

การเมืองแบบนี้จะจูงใจให้คนเข้ามาใช้อำนาจเพราะเมื่อเข้ามาได้ก็สามารถกินรวบได้หมด กูจะทำอะไรก็ได้ กูจะย้ายใครก็ได้ ส่วนประชาชนจะถูกกีดกันออกไปจากการเมืองตลอดเวลา ซึ่งถ้าประชาชนรวมตัวกันไม่ได้ประชาธิปไตยก็ไม่ใช่ของประชาชนแต่จะเป็นประชาธิปไตยโดยนักเลือกตั้ง เพื่อนักเลือกตั้ง ของนักเลือกตั้ง น.พ.ประเวศ กล่าว

นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า สังคมไทยมักจะเน้นการวิเคราะห์วิจารณ์ ทำให้เกิดการทะเลาะ และต่อสู้ โดยเฉพาะนักวิชาการ ดังนั้นนักวิชาการนอกจากวิจารณ์แล้ว ควรจะเริ่มสังเคราะห์ จัดการ ร่วมสร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก โดยทุกภาคส่วนทั้งองคมนตรี รัฐบาล รัฐสภา กองทัพ กลไกรัฐ องค์กรต่าง ๆ สภาประชาชน สภาพัฒนาการเมือง ผู้แทนจากสภาท้องถิ่น สภาเกษตรกร ภาคประชาชน สื่อมวลชน มหาวิทยาลัย ภาควิชาการ ภาคธุรกิจ สภาทนายความ ต้องร่วมกันสร้างสังคมอารยะประชาธิปไตย แต่ที่ผ่านมาทุกภาคส่วนเหล่านี้ขาดการเชื่อมโยง ถ้ามีเป้าหมาย และวิสัยทัศน์ร่วมกันเชื่อว่าจะเกิดพลังมหาศาล โดยเฉพาะต้องผลักดันให้รัฐธรรมนูญม. 87 ที่กำหนดให้รัฐต้องสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างจริงจัง

การทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ทุกฝ่ายในสังคมต้องมีความฝันร่วมกันแล้วเราพัฒนาไปพร้อมๆกันทุกส่วนใช้เวลา 10 ปี โดยเรียกว่าเป็นทศวรรษแห่งการอภิวัฒน์เพื่อปฎิรูปประเทศไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ราษฎรอาวุโส กล่าว

เสียงเล็กๆ นวันเด็กขอนายกฯช่วยคนไทยรักกัน

วันเด็กแห่งชาติปีนี้...ผู้ปกครองต่างพาบุตรหลานไปเที่ยวชมตามสถานที่ต่างๆ ที่เปิดเป็นพื้นที่ต้อนรับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะ ทำเนียบรัฐบาล ที่เคยโอ่อ่ากว้างใหญ่ กลับแคบลงไปถนัดตา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook