สนั่น-ประวิตรระบุถอดยศทักษิณทำตามขั้นตอนเปล่ากลั่นแกล้ง นายกฯไม่หวั่นเสื้อแดงระดมพล

สนั่น-ประวิตรระบุถอดยศทักษิณทำตามขั้นตอนเปล่ากลั่นแกล้ง นายกฯไม่หวั่นเสื้อแดงระดมพล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รมว.กลาโหมชี้ถอดยศทักษิณรัฐบาลไม่ได้กลั่นแกล้ง สนั่นระบุถอดยศทักษิณทำตามขั้นตอนเปล่ากลั่นแกล้ง นายกฯไม่หวั่นเสื้อแดงระดมพล 12 ม.ค.ชวนปชช.ใช้สิทธิ์ ผบ.ทบ.บอกถอดยศทักษิณต้องพิจารณาให้รอบคอบบิ๊กคมช.อ้างรบ.ปชป.ไม่ใช่เป้าหมายการปฏิวัติ แนะแม้วรับผิด-ขอความปรานี ข้องใจทำอะไรมาเงินมากมาย ชมพธม.ดี-ประท้วงมีอารยธรรม รมว.กลาโหมชี้ถอดยศทักษิณรัฐบาลไม่ได้กลั่นแกล้ง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 11 มกราคม ถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะถอดยศของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้เป็นระเบียบเป็นกฎเกณฑ์ รายละเอียดตนยังไม่ทราบ ไม่ต้องห่วง ไม่มีการกลั่นแกล้ง รังแก ทุกอย่างรัฐบาลจะทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่า ประชาชนที่ยังชื่นชอบ พ.ต.ท. ทักษิณ อาจลุกขึ้นมาชุมนุมกัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการชี้แจงของเจ้าหน้าที่ว่าทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานทุกระดับต้องชี้แจงได้ เพราะการทำงานต้องทำกันเป็นทีมและคิดว่าเขาคงทำกันอยู่แล้ว

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า สื่อถามให้เป็นประเด็น ทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบ อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาถึงความรอบคอบในทุกมิติ

เมื่อถามว่า มีวิธีการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกัน เป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละบุคคล ช่วยกันทำให้เกิดความเรียบร้อย ถ้าอยากให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปได้ เราต้องลืมความขัดแย้ง เป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องช่วยกันพิจารณาในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยกับแกนนำกลุ่มต่างๆหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ให้สื่อมวลชนช่วยกันเสนอแนวทางไม่ว่าจะเป็นแกนนำของกลุ่มใดก็ตาม ว่าให้นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและความสงบเรียบร้อย น่าจะดีกว่าให้ตนเสนอแนะ เพราะจะกลายเป็นว่า ตนไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ส่วนเรื่องการส่งกำลังเข้าไปทำความเข้าใจในพื้นที่ต่างๆ นั้น เรายังไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้

สนั่นระบุถอดยศทักษิณทำตามขั้นตอนเปล่ากลั่นแกล้ง

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ถึงการเสนอถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องปกติ เมื่อมีการกระทำผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะหากไม่ดำเนินการก็จะถูกมองว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนก็เคยถูกถอดยศ และถอดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มาแล้วเมื่อปี 2520 หลังจากนิรโทษกรรม ก็ขอพระราชทานคืนยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์คืนมา ถือเป็นการดำเนินการตามระบบขั้นตอน ไม่ได้กลั่นแกล้งตามที่มีการตั้งข้อสังเกต

นายกฯไม่หวั่นเสื้อแดงระดมพล 12 ม.ค.ชวนปชช.ใช้สิทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 09.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา ได้เดินทางมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการจัหวัดกรุงเทพมหานคร ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 4 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร บริเวณโรงเรียนสวัสดีวิทยา ซอยสุขุมวิท 31ท่ามกลางประชาชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

นายกรัฐมนตรี กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ ได้เดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมถึงชวนประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั่วประเทศด้วย ขณะเดียวกันก็ยังไม่ชัดเจนว่า มีการทุจริตการเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งหากมีเหตุการณ์ทุจริตเกิดขึ้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยกล่าวถึงการนัดระดมพลของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 12 มกราคมนี้ ว่า ทุกคนมีสิทธิแสงความคิดเห็นทางการเมืองได้ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น รวมทั้งจะต้องไม่ทำลายสิ่งของทางราชการ หรือแม้กระทั้งจะต้องไม่ใช้ความรุนแรง การเคลื่อนไหวจะต้องอยู่ในทิศทางของกรอบรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ แต่ตำรวจก็ต้องไม่ถูกคนอื่นใช้เป็นเครื่องมือเช่นกัน

ผบ.ทบ.บอกถอดยศทักษิณต้องพิจารณาให้รอบคอบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปีนั้น ว่า ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบ และต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบในทุกๆ มิติ ขณะที่เรื่องความสมานฉันท์ของคนในชาติ ขอให้ทุกคนช่วยกันลืมความขัดแย้งเพื่อนำพาประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ทั้งนี้ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น กรณีที่มีบางประเทศไม่พอใจในตัวนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุว่ากองทัพจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว

บิ๊กคมช.อ้างรบ.ปชป.ไม่ใช่เป้าหมาย

ก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ และอดีตรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ผ่านสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมื่อวันที่ 10 มกราคม ถึงการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลมาเป็นพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำว่า ไม่ถือว่าเป็นความสำเร็จหรือเป้าหมาย คมช. คิดว่าธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบในประเทศไทย โดยไม่ใช่เป้าหมายของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เพราะมันเป็นของมันเอง และต้องเป็นต่อไปอีกในอนาคต การปฏิวัติในขณะนั้น คิดว่าหากไม่ทำจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ซึ่งเมื่อทำแล้ว ไม่ได้ต้องการอำนาจใดๆ แค่คิดว่าให้คนที่สามารถปกครองดูแลด้วยความยุติธรรมได้ เพื่อให้ประเทศชาติก้าวเดินต่อไป และหากคนใดทำผิด ก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ไม่ได้ใช้อำนาจจับกุมหรือยึดทรัพย์สิน หรือไต่สวนโดยไม่ถูกกฎหมาย

ส่วนในครั้งปฏิวัติคิดหรือไม่ว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะหยุดการต่อสู้ พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า ไม่รู้จิตใจคน ที่ผ่านมาเขาบอกว่าเขาจะหยุดแล้ว แต่จนมาถึงวันนี้จะเห็นว่าสิ่งที่พูดไม่ใช่อย่างนั้น แต่ถือเป็นธรรมชาติของคนที่ต้องปกป้องตัวเอง

แนะแม้วรับผิด-ขอความปรานี

อดีต ผบ.ทอ.กล่าวกรณี พ.ต.ท.ทักษิณมองว่า คมช.อยู่เบื้องหลังทำให้ต้องตกระกำลำบากว่า อิทธิพลที่จะทำให้แต่ละคนทำมาถึงจุดนี้ คือ ความถูกต้องในหมู่คนไทย และความยุติธรรมทำให้เป็นอย่างนี้ ใครจะไปบังคับตุลาการได้ ทุกอย่างจะเห็นว่าดำเนินไปตามกฎหมาย ถ้าไม่มีข้อมูลศาลจะนำมาเป็นข้อพิจารณาตัดสินได้อย่างไร ความจริงจะค่อยๆ ปรากฏออกมา แต่สาเหตุที่ผลของคดีไม่ออกมาในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะหากจะทำให้ยุติธรรมต้องใช้เวลาตรวจสอบมาก

หากถามว่าสะใจไหม บอกได้ว่าไม่สะใจ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับตัวของท่านเอง เพราะถ้าท่านเลือกทำด้านอื่นคือ สารภาพผิด ยอมรับความผิด ท่านก็ถูก และถงขอความปรานีก็ได้ ผู้นำประเทศ 70-80 ปีโดนปฏิวัติหรือถูกล้มล้างมากมาย แต่ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร คนไทยที่เคยเป็นผู้นำประเทศทำทั้งความดี ความชั่วอาจมีบ้าง แต่คนไทยให้อภัย และใช้เวลาไม่นาน บางทีให้เงินเพื่อครองชีวิตในต่างประเทศก็มี ความจริง พ.ต.ท.ทักษิณควรจะหยุด หากพิจารณานั่งนิ่งๆ แล้วคิดสัก 2 วัน โดยไม่ให้คนเข้าไปรบกวนจะกลับเข้ามาสู่พื้นฐานของชีวิต และความปกติ แต่เมื่อไรคนยังป้อยอให้ข้อมูลว่ายังไงก็ชนะ ยังไงก็กลับ คงไม่มีทาง เพราะขณะนี้คือการสู้กับความจริง พล.อ.อ.ชลิต กล่าว

ข้องใจทำอะไรมาเงินมากมาย

สำหรับเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณมองว่าเป็นแผนบันได 4 ขั้นของ คมช. พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะสมัยที่ประชุมกัน ไม่เคยกำหนดว่าจะมีบันได 4 ขั้น อาจจะเป็นเพียงข้อคิดหรือลำดับอะไรต่างๆ แต่ไม่ได้คิด เป็นขั้นๆ เหมือนกับเป้าหมายของพรรคคอมมิวนิสต์ และไม่ได้มีการคุยกันว่าต้องล้างระบอบทักษิณอะไร เพียงแต่ต้องการหยุดสถานการณ์ มีรัฐธรรมนูญที่ดี และต้องการรื้อฟื้นการเลือกตั้ง ไม่ค่อยมีประเทศ ไหนที่จะมีคนมีเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้แล้วไปสนับสนุนให้คนในพรรคได้มาจนถึงทุกวันนี้ มีเพียงประเทศไทย จึงต้องย้อนกลับไปว่า ทำไมถึงมีเงินมากมายขนาดนั้น และมาจากไหน มาได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ ทางอังกฤษยอมรับแล้ว แสดงให้เห็นว่ากฎหมายและความจริงปรากฏออกมาว่าคุณไปทำอะไรมา

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ปัญหาความแตกแยกของในคนชาติที่หนักขึ้นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า คล้ายๆ อย่างนั้น บางทีสาเหตุเพราะคนคนเดียวที่เป็นประเด็นต่างๆ ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ขึ้น เมื่อถามว่า การเปลี่ยนขั้วมาเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในการบำรุงประเทศให้กินดีอยู่ดี หน้าที่รัฐบาลมีอยู่แค่นั้น แต่อะไรที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทำให้กินดีอยู่ดีไม่ได้ ก็จะเกิดการต่อต้าน รัฐบาลต้องเข้มแข็งให้ถูกบทบาท ไม่ใช่รุนแรงไปเลย เช่น การยิงแก๊สน้ำตา ตนไม่คิดว่ากองทัพไทยหรือตำรวจได้ซ้อมยิงในช่วงระยะเวลา 30-40 ปีที่ผ่านมา

ชมพธม.ดี-ประท้วงมีอารยธรรม

เมื่อถามว่า มองปรากฏการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ผ่านมาอย่างไร พล.อ.อ. ชลิตกล่าวว่า เพราะเป็นคนไทย ที่อื่นทำไม่ได้หรอก คาดว่าเขาอยู่ด้วยความอดกลั้นมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อถึงจุดหนึ่งไม่รู้ทำอย่างไร เขาจึงออกไปสู่สาธารณชน แต่เขาอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ดี ถือเป็นนักประท้วงที่มีอารยธรรม ผู้คนที่มาถามว่า ถ้าจ้างวันละ 500 บาท ใครจะเอาเงินที่ไหนมาจ้าง ดังนั้น ต้องไปด้วยใจเท่านั้น คนที่มามีความรู้ มีฐานะ มีความนึกคิดต่างๆ พอสมควร ส่วนที่ คมช.ถูกมองมีความสัมพันธ์กับกลุ่มพันธมิตร พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า ผมไม่เคยรู้จัก เห็นแต่เพียงในทีวี และ คมช.ก็ไม่เคยรู้จัก คิดว่าคนอย่างพวกนั้น ถ้าเราใช้เขา แต่เขาไม่ได้อยากทำ เขาคงไม่ทำ แต่ที่เขาทำเพราะความกดดันของประชาชนในประเทศที่เริ่มไม่พอใจกับผู้นำจึงเริ่มขยายเครือข่าย ซึ่งถือเป็นธรรมชาติ

เมื่อถามว่า มองบทบาทกองทัพที่ถูกวิจารณ์ว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า มันดีกว่าการปฏิวัติหรือไม่ ภาระเรื่องการดูแลประเทศชาติ ไม่ใช่นักการเมืองอย่างเดียว และทุกคนมีสิทธิที่จะให้ประเทศชาติเราเป็นอย่างไรไม่ใช่ปล่อยการเมืองเลยยิ่งแย่ เชื่อว่าในอนาคตคงจะดีขึ้น และทหารก็มีสิทธิที่จะเลือกชอบใคร เพราะเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่ควรทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม

เสธ.แดงโวยเจอสอบผิดอาญาทหาร

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ในรายการเดียวกันว่า ขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดอาญาทหารกับตนแล้ว โดยให้กรมการสารวัตรทหารบกเป็นผู้สอบสวน กรณีที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อวิทยุและหนังสือพิมพ์ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย ที่มีมติแค่ว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น ทั้งนี้ ต้องนำหลักฐาน ไปแสดงว่าไม่ได้ด่าผู้บังคับบัญชา เพียงแต่บอกเล่า และปกป้อง ผบ.ทบ.ที่ถูกกลุ่มพันธมิตรด่าเท่านั้น แต่ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน และต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ส่วนเรื่องคดีตนไม่มีปัญหา เพราะสู้มา 71 คดี ชนะบ้าง แพ้บ้างแต่ยังไม่เคยติดคุก

ชี้เสื้อแดงก๊กไข่มุกดำยังมีพลัง

เสธ.แดงยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่ได้ไปยุ่งกับพวกเสื้อแดง แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเคยอยู่กับนาย ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน มาก่อน จึงไม่ยุ่งกับประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าจะไม่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น เพราะอาวุธสงครามตอนนี้หายากมาก ตอนนี้ที่สนามหลวงยังมีกลุ่มเสื้อแดงตั้งเต๊นท์อยู่ 6 เต๊นท์ แต่ยังทะเลาะกันเองต้องคอยไปห้าม เชื่อว่าพวกนี้ไม่มีพลังอะไร แต่ที่มีพลังคือกลุ่มเสื้อแดงของนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็น กลุ่มที่รักชาติ และมีความรู้สึกที่ดีต่อ พ.ต.ท. ทักษิณ

เมื่อถามว่า หากกลุ่มเสื้อแดงจะต่อสู้ควรใช้ยุทธศาสตร์อะไร พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า เดี๋ยวเขาก็ทะเลาะกันเอง แตกกันเองด้วยเหตุ 3 ประการ 1.สภาวะสงคราม 2. กฎหมายไม่ผ่าน 3.ระบบรัฐสภา ไม่ต้องทำอะไร ขณะนี้แกนการเมืองเปลี่ยนไปอยู่ฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นมวยจังหวะสอง ที่อาจจะมีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาช่วย จะไปว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เพราะเขารับกินอยู่ ส่วน พ.ต.ท. ทักษิณไปอยู่ต่างประเทศทำให้วางแผนไม่ถนัด ตามทฤษฎีต้องอยู่ใกล้ประเทศไทย ดังนั้น ควรจะมาอยู่แถวปอยเปต กัมพูชา ถือว่าดีที่สุด เพราะขับรถแค่ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯก็ถึงแล้ว แล้วลึกเข้าไปก็มีเซฟ เฮาส์ ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับสมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าไม่มีปัญหา และมีนายวัฒนา อัศวเหม อดีตแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่หลบหนีคดีอยู่แถวนั้นด้วย

ผบ.สส.ไม่ห่วง-ชี้อีกทางไม่มีพลัง

สำหรับเรื่องที่ พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บังคับการกองวินัย (ผบก.วน) เตรียมเสนอ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ถอดยศ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้องคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้จำคุก 2 ปี คดีซื้อ-ขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกนั้น พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เพื่อนตท.10 รุ่นเดียว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกฎ ระเบียบวางไว้อยู่ ดังนั้น คงต้องทำตามข้อบังคับนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคงไม่มีอำนาจหน้าที่จะไปช่วยอะไร พ.ต.ท. ทักษิณได้ เพราะการดำเนินคดีเป็นเรื่อง ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ และศาลตามข้อเท็จจริงทางกฎหมาย

เชื่อว่าการเมืองไทยในปีนี้จะดีขึ้น เพราะเรามีปัญหาการเมืองมานานตั้งแต่ปี 2548 จนถึงวันนี้ก็ 4 ปีแล้ว ดังนั้น ถึงเวลาที่คนไทยต้องมาร่วมกัน เพื่อให้ชาติเดินไปข้าง้า อยากฝากให้คนไทยช่วยกันทำให้ประเทศเกิดความสงบสุข ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะไม่มีแกนนำที่ชัดเจนและดีพอ เชื่อว่าการชุมนุมของเขาคงไม่น่าจะมีพลังอะไร พล.อ.ทรงกิตติกล่าว

มาร์คป้องตร.-ชี้ถอดยศตลอด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้สอบถามผู้เกี่ยวข้องถึงกระแสข่าวการเสนอถอดยศ เพราะถือเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบปกติ ระเบียบเป็นอย่างไร ก็ปฏิบัติไปตามนั้น ใครมีอำนาจ อย่างไร ก็ต้องสั่งการไปตามนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ว่ากรณีนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องยืนยันหลักกฎระเบียบและปฏิบัติตามนั้น และไม่เชื่อว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้ง เชื่อว่าคนไทยเข้าใจว่ามีกฎระเบียบอยู่แล้วจะให้ทำอย่างไร ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุว่ากรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนนั้น ก็อยู่ที่ขั้นตอน ถ้ามีความช้าหรือเร็วผิดปกติก็ต้องเข้าไปดู ขณะนี้เข้าใจว่าผู้เกี่ยวข้องคงดำเนินการตามขั้นตอน

นายกฯยังกล่าวกรณีสมาชิก พท.มองการปฏิบัติเรื่องนี้เป็น 2 มาตรฐาน เนื่องจากก่อนหน้านี้นายตำรวจหลายคดีทำผิดยิ่งกว่านี้ แต่กลับไม่ถูกถอดยศ ว่าความจริงมีการถอดยศตลอดเวลา และมีจำนวนมากหลายคน

ทำขึงขังจะสะสางคดีปิดสนามบิน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลเร่งดำเนินการเฉพาะการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่กลับไม่ยอมดำเนินการกรณีพันธมิตรปิดสนามบิน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แล้วทราบได้อย่างไรว่าไม่ได้รีบดำเนินการ เพราะความจริงแล้วผมก็คุยกับฝ่ายความมั่นคง ก็ได้ย้ำไปแล้วว่าต้องเร่งสะสางในทุกกรณี รวมถึงกรณีการปิดสนามบินและเรื่องต่างๆ ซึ่งก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ไปแจ้งความเรื่องของทรัพย์สินแล้ว ทุกอย่างก็เดินหน้าไป เพราะเรื่องที่ดำเนินการกันอยู่ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุที่การดำเนินการล่าช้า เพราะแกนนำพันธมิตรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะล่าช้า เพราะได้บอกกับ ผบ.ตร.ไปแล้วว่าต้องเดินหน้าโดยไม่คำนึงว่าเป็นใคร เมื่อถามย้ำว่า ได้กำหนดกรอบเวลาหรือไม่ว่าคดีปิดสนามบินควรเห็นผลเมื่อไร นายกฯกล่าวว่า อยู่ที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลายเรื่องได้สอบถามไปเพราะเห็นว่าไม่น่าจะซับซ้อน แต่ก็ได้รับคำชี้แจงว่ามีคณะกรรมการพิจารณา รวมถึงฝ่ายที่ถูกกล่าวหาก็มีวิธีการทางกฎหมาย ทำให้ขั้นตอนต่างๆ เพิ่มขึ้น

วิฑูรย์ไม่หวั่นชักธงรบแจ้งเอาผิด

นายวิฑูรย์ นามบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์กรณีถูกกลุ่มชักธงรบ หรือเสื้อแดง จ.อุบลราชธานี แจ้งความดำเนินคดีกรณีที่กล่าวหาทางกลุ่มบุกรุกปิดล้อมโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ขัดขวางการทำงานของแพทย์ในการรักษานางเนียม พันธ์มณีว่า เป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก สิ่งที่พูดเป็นข้อเท็จจริง และพร้อมจะให้ตรวจสอบหรือดำเนินคดี ใครผิดก็ว่ากันตามผิด ก็ขอให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย

จากการลงพื้นที่ไปยัง จ.ลำปางและลำพูน เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา แม้มีผู้มาชุมนุมแต่ก็เป็นไปด้วยดี อยากเรียกร้องไปยังกลุ่มเสื้อแดงทั้งที่อุบลราชธานีและ ทั่วประเทศว่า ขอให้แสดงออกตามความเหมาะสม อย่าทำความเดือดร้อนให้กับประชาชนหรือทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการปาไข่ถือเป็นการกระทำที่ผิด จากการที่ผมลงพื้นที่หลายแห่งก็ยังไม่เจอคนปาไข่ เจอแต่คนเอาไข่มาให้ และคิดว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นไม่กระทบกับการลงพื้นที่ยังคงเดินหน้าต่อไป นายวิฑูรย์กล่าว

เสื้อแดงระดม12ม.ค.สู้การเมือง

นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 12 มกราคม เวลา 09.00 น. กลุ่มแกนนำเสื้อแดงจากทั่วประเทศจะมาร่วมชุมนุมกันเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การต่อสู้ทางการเมือง ที่โรงแรมลิโด้ สะพานควาย หลังจากนั้นจะมีแถลงข่าวเวลา 13.00 น. เนื่องจากขณะนี้ภาพของกลุ่มเสื้อแดงถูกกระทำให้เป็นเหมือนผู้ร้ายเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

นายขวัญชัยกล่าวว่า ได้รับการประสานมาจากทีมของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะได้มีการนัดหารือถึงการเคลื่อนไหวทั้งหมด ซึ่งตนได้ตอบตกลงไปแล้วว่าจะไปร่วมประชุมในครั้งนี้อย่างแน่นอน ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงต่างคนต่างทำ จึงต้องไปคุยกัน เพื่อหาเจ้าภาพ หาแกนนำว่าเคลื่อนไหวไปทิศทางใด และวางระบบทีมงาน ที่อาจจะแบ่งเป็นทีมส่วนกลาง และภาคต่างๆ เพื่อความคล่องตัว และทำงานไปในทิศทางเดียวกันและเป็นเซ็นเตอร์ให้กับทุกภาคทั้งเหนือ อีสาน เป็นแบบทองเนื้อเดียวกัน

ขณะนี้โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ต้องแอ๊คชั่นอย่างแน่นอน ผมไม่แอ๊คชั่นมันไม่ได้ ผมก็ต้องออก แต่ดูเหมือนตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องว่าเสื้อแดงใช้ความรุนแรง เป็นเสื้อแดงเทียมที่แฝงเข้ามา ทำให้เสื้อแดงแตกแยก เป็นกลุ่มคนที่ไม่หวังดีกับพวกเรา และคราวนี้หากมีเสื้อเหลืองออกมาอีก ผมขอบอกเลยว่าเจอของจริงอย่างแน่นอน ที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์ จะได้เห็นอย่างแน่นอนว่าประเมินคนอีสานผิด นายขวัญชัยกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook