สุขุมพันธุ์ลั่น มุ่งทำกทม.เป็นมหานครระดับโลก ปลื้มยันสอบตกไม่เสียใจ ขอ2ปีสร้างฐานการเมือง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 2 จากพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากทราบผลการนับคะแนนบางส่วน โดยมีคะแนนนำห่างผู้สมัครฯคนอื่น และเอ็กซิทโพลจาก 3 สำนักใหญ่ระบุตรงกันว่า คะแนนการเลือกตั้งของชนะขาดได้ถึง 45-46% ปรากฏว่า เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 11 มกราคม ได้เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคท่ามกลางการต้อนรับของประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยได้เข้าสักการะศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม จากนั้นเวลา 19.35 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้แถลงข่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวกทม.ที่ไว้วางใจตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงขอบคุณนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความไว้วางใจส่งลงสมัคร รวมทั้งขอบคุณนายกรณ์ จาติกวาณิช รมว.คลัง และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ได้ช่วยปรับปรุงนโยบายหาเสียงให้ทันสมัย ตลอดจนทีมงานทุกคนที่ร่วมมือกัน พร้อมกันนี้ ยังได้ขอบคุณผู้สมัครผู้ว่าฯทุกคน ที่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีคุณภาพและเป็นแบบอย่างที่ดีในการเลือกตั้ง ที่มีการเสนอนโยบายและการดีเบตอย่างมีสาระ
ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ กล่าวว่า พร้อมทำงานและพลิกฝื้นเศรษฐกิจกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งนี้คนคงจะมีความสุขไม่ได้หากกระเป๋าไม่มีเงิน จึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกที่ต้องรีบเดินหน้า รวมถึงเรื่องอื่นๆเช่น ระบบขนส่งมวลชน การจราจร ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การศึกษา สาธารณสุข พื้นที่สีเขียวและมลภาวะ และยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะบริหารงานอย่างเป็นธรรมและมีอภิบาล โปร่งใสตรวจสอบได้ ซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรมเป็นธรรม เป็นผู้ว่าของคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสี และจะทำให้กทม.เดินหน้าสู่การเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ มหานครระดับโลกที่ชาวกทม.ภูมิใจ
ปลื้มยันสอบตกไม่เสียใจ ขอ2ปีสร้างฐานการเมือง
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงผลเอ็กซิทโพลที่ได้เพียงอันดับ 3 ว่า ไม่ผิดหวังหรือเสียใจกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ หากผลเลือกตั้งที่แท้จริงเป็นไปตามผลสำรวจเอ็กซิทโพล โดยภูมิใจกับคะแนนเสียงที่ได้รับ ดีใจที่มีคนจำนวนหนึ่งเลือกคนที่จะมาเป็นอนาคตใหม่ทางการเมือง ผลที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่าคน กทม.ที่ออกมาใช้สิทธิ ส่วนใหญ่ยังเลือกตัวแทนที่มาจากพรรคการเมือง รวมถึงฐานเสียงพรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อไทยยังคงเหนียวแน่น ยากมากที่ผู้สมัครอิสระจะเอาชนะได้ แต่ไม่เสียใจที่ไม่ได้ตัดสินลงสมัครในนามพรรคการเมือง เพราะไม่ต้องการทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับชัยชนะ แต่ต้องการพิสูจน์สมมติฐาน และความเชื่อตนเองที่จะทำงานโดยไม่มีพรรคการเมืองว่า จะได้รับการยอมรับหรือไม่ สำหรับอนาคตทางการเมืองตนเองจะใช้เวลา 2-3 ปี เพื่อเสริมสร้างฐานะทางสังคม สร้างรายได้ เพื่อรอจังหวะเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง
