สรุป พลุ ต้นเพลิงซานติก้า-รู้ตัวคนจุดแล้ว

สรุป พลุ ต้นเพลิงซานติก้า-รู้ตัวคนจุดแล้ว

สรุป พลุ ต้นเพลิงซานติก้า-รู้ตัวคนจุดแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สรุปแล้วต้นเพลิงเผาสยอง ซานติก้า ผับ มาจากพลุ จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. เผยมีหลักฐานชัดเจนใครเป็นคนจุด เตรียมขออนุมัติหมายจับ แฉ เสี่ยสุริยา 1 ในสองผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับพร้อม เสี่ยขาว เตลิดหนีแล้ว สั่งสน.ทองหล่อล่าตัวกลับมาดำเนินคดี ยังไม่รู้กบดานอยู่ไหน กมธ.สภาฯ เตรียมยื่นมหาดไทยแก้กม.สถานบันเทิงให้ทันสมัย ความคืบหน้าคดี "ซานติก้า" สถานบันเทิงชื่อดังประสบอุบัติเหตุเพลิงไหม้คืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ล่าสุดนายวิสุข หรือ "เสี่ยขาว" เสร็จสวัสดิ์ อายุ 44 ปี หุ้นส่วนใหญ่ เข้ามอบตัวกับพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. หลังถูกออกหมายจับข้อหาร่วมกันกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต และข้อหาร่วมกันเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งสถานบริการ ยินยอมและปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปในสถานบริการ โดยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 66 ศพ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ม.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร นายสรวงศ์ เทียนทอง ประธานกรรมาธิการ เป็นประธานสืบสวนเหตุเพลิงไหม้สถานบันเทิงซานติก้าผับ โดยเชิญตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.), กรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข มาชี้แจง โดยพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. ชี้แจงความคืบหน้าของคดีว่า เบื้องต้นตั้งข้อหาเจ้าของและผู้ให้บริการสถานบันเทิง 2 ข้อหาคือ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตจากการจุดดอกไม้ไฟและการใช้เอฟเฟ็กต์ และข้อหาปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการในสถานบันเทิง จากนั้นที่ประชุมให้ความสนใจสอบถามถึงประเด็นการดัดแปลงอาคาร จากอาคารที่พักเป็นอาคารพาณิชย์และดัดแปลงเป็นสถานบันเทิง โดยนายวรพจน์ อินทุลักษณ์ ผอ.เขตวัฒนา ยืนยันว่ามีการขออนุญาตดัดแปลเป็นอาคารพาณิชย์ในปี 2541 ส่วนการขออนุญาตเปิดเป็นสถานบันเทิงเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายทรงศักดิ์ นุชประยูร ผอ.กองควบคุมอาคาร กทม. กล่าวว่าผลการตรวจสอบเบื้องต้นยังหาแบบแปลนล่าสุดของอาคารไม่พบ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่ามีการดัดแปลงไม่ตรงกับแบบที่เคยขออนุญาตไว้ โดยมีการก่อสร้างผิดแบบเดิม และดัดแปลงเป็นสถาบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นกรรมาธิการสอบถามถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับเจ้าของและผู้บริหารซานติกา โดยได้รับการยืนยันจากตัวแทนสตช. ว่าตั้งข้อหาดำเนินคดีอาญาแล้วในสองฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น ส่วนประเด็นการดัดแปลงอาคารเป็นความผิดทางแพ่ง ซึ่งกทม.ต้องตรวจสอบและส่งเรื่องมาให้เจ้าหน้าที่ฟ้องเอาผิดทางแพ่งต่อไป ก่อนปิดการประชุม นายสรวงค์สรุปว่ากรณีการดัดแปลงอาคารและการปล่อยให้เยาวชนเข้าไปใช้บริการเกิดจากไม่มีกฎหมายควบคุมชัดเจน กรรมาธิ การจึงมีความเห็นที่จะทำหนังสือถือนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เพื่อขอให้ออกกฎหมายหรือแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการใช้บริการสถานบันเทิง รวมถึงการใช้บริการสาธารณะให้ทันสมัยโดยเทียบเคียงกับกฎหมายด้านการบรรเทาสาธารณภัยและความปลอดภัยของต่างประเทศ ทั้งนี้ควรครอบคลุมในส่วนของบริการสาธารณะ เช่นรถโดยสาร เรือโดยสาร ซึ่งมักพบว่ามีอุบัติเหตุเกิดจากการมีจำนวนผู้ใช้บริการเกินพิกัดที่จะรับได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมพล.ต.อ.จงรักรายงานต่อคณะกรรมาธิการว่า แยกความผิดออกเป็น 2 กลุ่มคือ 1.ความผิดฐานประมาทกับเจ้าของและผู้บริหารที่ไม่มีระบบป้องกันภัยและการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งประตูทางเข้าที่เล็กเกินไป ขณะที่ผับดังกล่าวมีพื้นที่เพียง 500 เมตรแต่กลับเชิญแขกถึง 5 พันกว่าเมตร และส่งเอสเอ็มเอสเชิญชวนอีกเป็นหมื่นๆ ราย แสดงให้เห็นว่าเจ้าของคำนึงถึงแต่ผลกำไร ขณะที่กลุ่มที่ 2.ผู้กระทำให้เกิดเหตุโดยตรง ที่ขณะนี้ใกล้มีความชัดเจนแล้วว่าเป็นเพราะเอฟเฟ็กต์หรือดอกไม้ไฟกันแน่ เนื่องจากเอฟเฟ็กต์ไม่น่าจะพุ่งได้สูง โดยรอความชัดเจนจากพยานว่ามีใครจุดพลุขึ้นไปบนเพดานหรือไม่ ทั้งนี้แจ้งข้อหากับเจ้าของสถานบริการแล้วเพียงกระทงเดียวคือ อนุญาตให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปในสถานบริการ ส่วนความผิดเรื่องก่อสร้างผิดแบบต้องรอให้กทม.แจ้งมายังตำรวจก่อนว่าก่อสร้างผิดแบบหรือไม่ จึงจะสามารถดำเนินคดีได้ พล.ต.อ.จงรักกล่าวด้วยว่า ได้เชิญกลุ่มผู้บริหารมาให้ปากคำเพิ่มเติม เท่าที่ตรวจสอบพยานหลักฐานเรื่องเอฟเฟ็กต์นั้นไม่ได้ทำให้เกิดไฟไหม้ แต่น่าจะเป็นเรื่องของการจุดพลุมากกว่า ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นผู้จุด ขณะนี้กำลังเตรียมขออนุมัติออกหมายจับ โดยสามารถทำได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่จะพยายามทำอย่างเร่งด่วนที่สุด นายสรวงศ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า กรรมาธิการเชิญตัวแทนจากตำรวจ กทม. และกระทรวงสาธารณสุข มาชี้แจงเพิ่มเติมซึ่งทราบว่าสน.ทองหล่อ แจ้งความดำเนินคดีกับซานติก้าถึง 40 คดีเรื่องการเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เรื่องนี้ศาลได้คุ้มครองอยู่ เนื่องจากทางผับอ้างว่าจดทะเบียนสถานบริการก่อนกฎหมายโซนนิ่งจะออกมา ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เห็นว่าข้อกฎหมายของประเทศไทยถือว่าอ่อนมาก กรรมาธิการจึงมีมติที่จะทำหนังสือถึงรมว.มหาดไทย เพื่อเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับสถานบริการ แบบอาคาร และเรื่องความจุของคนที่จะเข้าไปเที่ยว รวมถึงการละเลยของหน่วยงานของรัฐ เนื่องจากการให้ปากคำของแต่ละฝ่ายต่างปัดกันไปปัดกันมา และทางกทม.ก็อ้างว่ายังหาแบบก่อสร้างซานติก้าผับไม่เจอ ขณะที่เขตวัฒนาระบุว่าในระหว่างการก่อสร้างซานติก้าผับ ทางเขตไปตรวจสอบทุกๆ 15 วัน นายสรวงศ์กล่าวว่า หากซานติก้าผับยืนยันว่าไม่ผิดในเรื่องการออกแบบ ทางกรรมาธิการก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาผิดกับเจ้าของได้หรือไม่ เพราะในเรื่องนี้ทางเขตเป็นผู้ตรวจสอบและปล่อยให้มีการดำเนินการจนแล้วเสร็จ แต่ทางเขตได้รับปากว่าจะไปตรวจสอบเรื่องการเสียภาษีของซานติก้าผับ เนื่องจากได้มีการปรับปรุงที่อยู่อาศัยมาเป็นอาคารพาณิชย์ ซึ่งต้องเสียภาษี หากไม่เสียภาษีก็จะเพิ่มเป็นอีก 1 คดี นอกจากนี้หากทางเขตทราบว่าไม่ได้เสียภาษีแต่ไม่เอาผิดก็จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางเขตจะอ้างว่าไม่ทราบไม่ได้ นายสรวงศ์กล่าวว่า ในที่ประชุมกรรมาธิการบางคนเสนอให้ผู้ได้รับความเสียหายฟ้องกทม. ซึ่งพล.ต.อ.จงรักยืนยันว่าทำได้ หากซานติก้าผับไม่ผิด สามารถฟ้องร้องค่าเสียหายและเอาผิดกับทางกทม.ได้ ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปทางกรรมาธิการจะจัดหน่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้รอดชีวิตและญาติผู้เสียชีวิต เพราะจากเหตุการณ์ดังกล่าวบางคนไม่ยอมพูดจากับใคร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จงรักกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ซานติกาผับว่า หลังจากที่นายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับในข้อหากกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2520 ปล่อยให้เด็กอายุไม่ถึง 20 ปีเข้าไปในสถานบริการหลบหนีไป ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินการติดตามจับกุมตัวตามหมายจับ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบเบาะแสว่าหลบหนีไปไหน อยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ พล.ต.อ.จงรักกล่าวต่อว่า สำหรับหุ้นส่วนคนอื่นๆ นั้น จะพิจารณาผู้บริหารหรือหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ และมีส่วนร่วมในการจัดการครั้งนี้ ซึ่งต้องดูพยานหลักฐานต่างๆ ว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง ถ้าพบว่าเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีในข้อหาเดียวกันทุกราย แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครกี่คนที่เกียวข้องบ้าง สำหรับสาเหตุของเพลิงไหม้มีความชัดเจนมากขึ้นว่าน่าจะเกิดจากการจุดดอกไม้ไฟ ไม่ใช่เอฟเฟ็กต์ แต่ต้องหาผลการตรวจยืนยันจากกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมทำรายงานเสนอมา ที่กระทรวงยุติธรรม นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องผู้บริหารซานติก้าผับย่านเอกมัยที่เกิดเหตุไฟไหม้ ในความผิดฐานจัดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายสุราในเวลาห้าม รวม 47 คดี ตั้งแต่ 2547-2549 ว่ายังไม่ทราบรายละเอียด แต่เบื้องต้นทราบว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งซานติก้าเปิดบริการขณะที่กฎหมายเดิมใช้บังคับอยู่ โดยกฎหมายเดิมระบุว่าไม่ต้องขออนุญาตเปิดต่อเจ้าพนักงาน เพียงแต่แจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าจะเปิดสถานบริการก็สามารถเปิดได้ทันที และซานติก้าผับเองก็แจ้งต่อเจ้าหน้าที่อย่างถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ยังมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง และในที่สุดศาลปกครองได้วินิจฉัยว่าการดำเนินการเปิดกิจการสถานบันเทิงของซานติก้าเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อชอบด้วยกฎหมายแล้วแม้จะมีกฎหมายภายหลังประกาศว่าจะต้องขออนุญาตเปิดสถานบริการ ซานติก้าก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตอีก เพราะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาแล้ว นายชัยเกษมกล่าวว่า ส่วนตัวเข้าใจว่าเมื่อมีการดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อัยการสั่งไม่ฟ้องถือว่าถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไปว่ามีการกระทำผิดกฎหมายอะไรอีกในขณะนั้นหรือไม่ และเจ้าพนักงานมีอำนาจที่จะดำเนินการอย่างไร สามารถสั่งปิดกิจการชั่วคราวได้หรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าพนักงาน ในส่วนของอัยการคงไม่ต้องนำสำนวนคดีกลับมาพิจารณาใหม่ เพราะสำนวนได้สั่งเสร็จสิ้นไปแล้ว ไม่สามารถดำเนินการได้อีก เว้นแต่จะมีหลักฐานใหม่ ซึ่งเชื่อว่าไม่มีอะไรใหม่ เพราะเป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่มีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งจะมีสถานบริการที่เปิดในลักษณะดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก และเห็นว่าเรื่องของอุบัติเหตุกับการเปิดกิจการที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้องเป็นคนละประเด็นกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook