น้ำท่วมปราจีนยังอ่วมป้องพื้นที่ศก.-กทม.น้ำทะเลหนุน

ผู้ว่าฯปราจีนบุรี เผย จังหวัดอ่วมรับน้ำจากสระแก้ว เร่งช่วยเหลือ ปชช.ชี้ ป้องกันพื้นที่ ศก. คาดวันนี้แล้วเสร็จขอให้ผู้บริหารท้องถิ่นเข้าใจการทำงาน ด้านศภช.ลั่นริมเจ้าพระยาน้ำเพิ่ม เหตุน้ำทะเลหนุ่มไม่เกี่ยวน้ำเหนือ

น.ส.จิตรา พรหมชุติมา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ขณะนี้ว่า ขณะนี้ทางจังหวัดปราจีนบุรี ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำที่ไหลบ่าจากพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ส่งผลกระทบให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่เดิม และที่ยังผลันออกไปไม่หมดนั้น มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว ส่วนด้านการเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งแจกถุงยังชีพ ดูแลเรื่องสุขภาพ โดยทางจังหวัดเอง มีทีมแพทย์ฉุกเฉินทั้งหมด 3 ทีม เพื่อเข้าช่วยเหลือ รวมทั้งการจัดสรรเรือสัญจรเข้าออกที่ประชาชนเรียกร้องมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อจัดสรรเรือช่วยเหลือในพื้นที่แล้ว ขณะที่ทางจังหวัดได้เร่งดำเนินการอีกอย่าง คือ การระดมเจ้าหน้าที่สร้างแนวป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันนี้ โดยได้ขอให้ผู้บริหารท้องถิ่นประชาชนเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่จำเป็นต้องปกป้องพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด จึงอาจทำให้บางพื้นที่รับน้ำมากจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดได้กำชับประสานงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ถูกตัดขาดเร่งดำเนินการเข้าช่วยเหลือประชาชนให้ทั่วถึงและเร็วที่สุด

 

ศภช.ลั่นริมเจ้าพระยาอ่วมเพิ่มไม่เกี่ยวน้ำเหนือ

น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) กล่าวกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์น้ำในส่วนของกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ว่า ในวันนี้และวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่น้ำทะเลหนุนสูงกว่าทุกวัน ส่งผลให้ชาวบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณที่อยู่นอกคั้นกันน้ำ จะได้รับผลกระทบ น้ำเอ่อเข้าบ้านเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวาน อย่างไรก็ตาม น้ำดังกล่าวมีปัจัยมาจากน้ำฝนและน้ำทะเลหนุนเท่านั้น ไม่ได้มีปัจจัยของน้ำเหนือเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงเชื่อว่าในสัปดาห์หน้า สถานการณ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในส่วนของกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะคลี่คลายลงได้ สำหรับในพื้นที่อื่น ๆ นั้น ยังต้องจับตาน้ำจากเทือกเขาสอยดาว และน้ำตกเขาสอยดาว ต้นน้ำแม่น้ำสายสำคัญในภาคตะวันออก มีปริมาณน้ำมาก และมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สระแก้วได้รับผลกระทบ จากนั้นต่อด้วย จ.ปราจีนบุรี จ.ฉะเชิงเทรา ตามลำดับ ก่อนที่น้ำจะไหลออกสู่ทะเล