หนังจอกว้าง - ครีมทาขาว ขายฝันสาวๆ แล้วหนังยุคใหม่จะขายอะไร?

หนังจอกว้าง - ครีมทาขาว ขายฝันสาวๆ แล้วหนังยุคใหม่จะขายอะไร?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีคิวไปบรรยายและสอนหนังสือ 3 แห่ง 2 ใน 3 เราเซตหัวข้อว่า หนังยุคใหม่จะขายอะไร โดย ป.โท ที่ธรรมศาสตร์ทำการวิเคราะห์ ส่วนที่ ป.ตรี ที่นิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ นั้น เอาแค่เสวนาถามตอบกันในห้องประชุม

// //

อันที่จริงทุกเรื่องล้วนมี แง่มุม ให้หยิบจับมาพูดถึงทั้งนั้น ดนตรีไม่ได้เกี่ยวกับเพลง แต่มันอาจมีเรื่องของแฟชั่น หนังอาจไม่ได้ยุ่งกับภาพยนตร์ แต่มีเรื่องวัฒนธรรมต่างๆ เช่นเดียวกับวรรณกรรมหรือหนังสือ ที่มีเรื่องของเทรนด์การอ่าน เรื่องที่ฮิตๆ สำหรับทำออกมาขาย

ผมเลยคิดเล่นๆ ว่า ถ้าเครื่องสำอางและ ครีมทาขาว ขาย ความหวัง แก่สาวๆ...ขายความฝันลมๆ แล้งๆ แก่ลูกค้า ถ้าอย่างนั้น หนังยุคใหม่จะขายอะไรแก่คนดูในวันที่ทุกอย่างเคยขายจนหมดสิ้น (สัตว์-เซ็กส์-กะเทย-ผี-คนนอกกระแส-ความรัก-ฮีโร่-เด็ก ฯลฯ

ประเด็นนี้ดูเหมือนเป็นโจทย์ยากของคนทำหนังในปี 2009 นะครับ ยิ่ง 3 ปีที่ผ่านมา หนังมันออกไปทาง...เรื่องไหนทำเงินก็ทำ เรื่องไหนเจ๊งก็ขาดทุนเละ (ส่วนคุณภาพนั้นมีไม่ถึง 25%) มันเลยกลายเป็นว่า คนทำหนังต้องคิดเยอะ วางแผนมาก เพื่อให้ตัวเองไม่เจ็บตัวมาก

ผมบอกนักศึกษาว่า เท่าที่ผ่านมา ฮอลลีวู้ดกับเกาหลีขายเก่งสุด...ฮอลลีวู้ดขาย 4-5 อย่าง คือ ฮีโร่ (Batman, คนเหล็ก, Diehard, The Matrix, 300, Gladiator), ขายคนนอก (No Country for Old Men, Voller) ขาย Underdog พวกตกเป็นรองต่อเงื่อนไขชีวิต (Coyote Ugly, Billy Elliot) และที่ขายได้ดีมาตลอดคือ ขายสิ่งที่สาวๆ ฝันอยู่ในใจ คิดอยู่ข้างในแต่ไม่ได้พูดออกมา ซึ่งขอเรียกว่า Subconcious หรือสาวๆ ทั่วโลกมีเหมือนกัน คือไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย การได้ซื้อแบรนด์สินค้า และใฝ่ฝันถึงเจ้าชายรูปหล่อขี่ม้า...เอ๊ย ขับเฟอร์รารี มารับที่หน้าออฟฟิศ (หรือหน้าโรงงานทอผ้า) ทั้งที่รู้ว่าไม่มีอยู่จริง

หนังฮอลลีวู้ดที่ขายสาวๆ แบบเนียนมาก ก็คือ Sex and the City จนเกือบจะบอกได้ว่า สาวยุคใหม่คิดอะไร ก็คล้ายๆ กับสิ่งที่ 4 สาวในหนังเรื่องนี้พูด (แม้จะไม่ใช่ทุกคน)

ส่วนเกาหลีมาเนียนมาก...ถ้าฮอลลีวู้ดเป็นพารากอนหรือปากคลองตลาด หนังเกาหลีก็ไม่ต่างอะไรจากเอ็มโพเรี่ยมหรือตลาดมหานาค คือรู้จักขายเหมือนกัน เขาขายความโรแมนติก (เดินกุมมือ มีความรัก และอาจจะนอนตายบนหลังพระเอก ระหว่างเดินอยู่บนหาดทราย นอกจากนั้น ยังขายฉากหลังที่มีหิมะตกโปรยปราย ซึ่งถ้าพระเอกนางเอก มาทำตัวเดินโรแมนติกยามนี้ อาจไม่สบายได้)

เกาหลียังขาย อาหารการกิน เพราะอย่างที่เคยเขียนนานแล้วว่า...เวลาเราดูหนังเกาหลีนั้น เราจะเห็นฉากอาหารแฝงมาในฉากรักและอกหักด้วย (พยานตัวเป้งๆ ก็คือ ในการกินอาหารแทบทุกเรื่องของหนังเกาหลีนั้น เราจะเห็นเหล้าสาเก ในขวดสีเขียว วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ หรือในหนังป๊อปอย่าง My Sassy Girl นั้น จอนจีฮุน ก็กินเหล้าที่ว่านี้แหละจนเมามาย)

ฉะนั้น การดูหนังเรื่องหนึ่ง นอกจากความสนุกหรือไม่สนุกแล้ว เรายังจะได้แง่มุมแปลกๆ อีก ถ้าหากเรามีสายตาในการมองให้ทะลุ...พูดให้ง่ายก็คือ ดูหนังก็เหมือนไปท่องเที่ยว บางคนนั่งรถโดยไม่ได้สังเกตอะไร แต่บางคนท่องเที่ยวไป ก็พบเรื่องน่าสนใจข้างทางมากมาย อาจเจอร้านขายของที่น่ากิน อาจได้ทักทายแม่ค้าระหว่างทาง หรืออาจได้ชมนกชมไม้ในบางเวลา

หนัง ต้มยำกุ้ง ที่ผมไม่ค่อยชอบ ขายวัฒนธรรมไทย (อาหาร, เรือหางยาว, ตุ๊กๆ) ไปแล้ว, นเรศวรฯ ที่ผมชอบ ขายประวัติศาสตร์และช้าง (รวมไปถึงเครื่องแต่งกาย Costume) ลองของ ขายไสยศาสตร์แบบไทยๆ แต่ผมชอบ แม่นาค ที่ขายความเป็นผีแบบไทยแท้

คำถามจึงตามมาให้รอดูว่า ปี 2009 หรือ 2552 นั้น หนังไทยอีก 50 เรื่องจะขายอะไรอีก

แต่ที่ผมเห็นว่า น่าจะเป็นสินค้าที่ขายได้ต่อไปก็คือ หนังผี ที่ออกแนวตลก หรือน่ากลัวสุดขีด (แบบชัตเตอร์ฯ) เพราะสองแนวนี้ (ตลก-สยองขวัญ) มันเป็นแนวทางที่ไปได้ดีกับ รสนิยม ของ สังคมไทย

สังคมไทยที่มีความปลอดภัยน้อยสุด มีการตายแบบวิตถารเยอะสุด และอากาศเพี้ยนแล้วในปีนี้

หรือว่าโลกเรากำลังจะสิ้นสลายลงไป ด้วยเพราะตัวเงินตัวทองนั้น ยั้วเยี้ยเยอะเกินไป

นันทขว้าง สิรสุนทร

ภูมิใจไทย:ก้าวสำคัญของเนวิน

การเมืองแบบไทยๆ อะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ฟัดกันแทบจะตายกันไปข้าง วันหนึ่งก็อ้าขาผวาปีกเข้าหากันได้อย่างไม่เคอะเขิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook