อย่าให้เป็นไฟไหม้ฟาง
เหตุเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับ มีผู้เสียชีวิตมากมายกว่า 60 ชีวิต เป็นความสูญเสีย และเป็นสิ่งที่กทม.ต้องตื่นขึ้นมาเฝ้าระวังปัญหาในลักษณะเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นได้อีก
แม้ทางกทม.จะเรียกประชุมผู้ประกอบการอาคารกว่า 3,000 ราย ในการประชุม ความปลอดภัยในอาคารจากอัคคีภัย ที่อาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา
นอกจากนั้นกทม.ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการอาคาร 9 ประเภท ทั่วกรุงเทพฯ ประกอบด้วย 1. อาคารชุมนุมคน 2.อาคารขนาดใหญ่ 3.อาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ 4.อาคารโรงมหรสพ 5.อาคารเก่า 6.อาคารสถานบริการ 7.อาคารบรรจุและเก็บก๊าซ 8.อาคารคลังน้ำมัน และ 9.อาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชราที่มีกว่า 5,000 อาคาร ให้ส่งแบบตรวจสอบอาคารมายัง กทม. เพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบ
สำหรับคณะกรรมการประกอบด้วยรองปลัด กทม. ทั้ง 6 คน ร่วมกับสำนักเทศกิจ สำนักการโยธา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้ตรวจการประจำเขต ลงพื้นที่ตรวจสอบทุกอาคารทั้ง 50 เขต
การตรวจสอบอาคารครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของกทม. นอกจากนั้นการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร และต่อเติมอาคารโดยปกติก็ต้องขออนุญาตจากสำนักงานเขต หรือสำนักการโยธา อยู่แล้ว
ที่กทม.ต้องให้ความสำคัญคือการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของแต่ละอาคารนั้น มีความถูกต้อง และปลอดภัยตามลักษณะโครงสร้างอาคารหรือไม่
สำหรับสถานบริการประเภทผับ บาร์ รวมถึงร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีดนตรี ต่างก็เป็นอาคารที่ผู้คนเข้าไปอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก
พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ที่กทม.ถืออยู่ดูแลควบคุมได้มากน้อยแค่ไหน ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าเป็นห่วง เพราะพ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 เก่าและตามไม่ทันสถานบริการในยุคนี้แล้ว
นอกจากนั้นการบังคับใช้กฎหมายของกทม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ผ่านมาก็ยังหย่อนยาน มีอาคารที่ผิดกฎหมาย ไปจนถึงการใช้อาคารผิดประเภทให้เห็นอยู่ทั่วไป
สิ่งสำคัญที่สุดที่กทม.ต้องทำคือทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่ไฟไหม้ฟางอย่างที่ผ่านมา