รายการเล่าข่าว...งานเข้า

รายการเล่าข่าว...งานเข้า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อเร็วๆนี้ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นัดหมายสื่อมวลชนไทยผ่าน 5 องค์กรวิชาชีพ ประกอบด้วยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ, สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย,

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย และสมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทย มาพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นกัน

นับเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารสูงสุดระดับนายกรัฐมนตรีพบกับสื่อไทย ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมานั้นเมื่อมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บรรดาสื่อเทศมักนัดหมายขอเข้าพบจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ

ในตอนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนความเห็นกันและกัน นายกฯอภิสิทธิ์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับรายการคุยข่าวหรือเล่าข่าวทางสถานีโทรทัศน์ว่าเป็นรายการที่อันตราย เนื่องจากมีการชี้นำผู้ชม องค์กรวิชาชีพควรหารือกันในเรื่องนี้

ยิ่งในท่ามกลางสถานการณ์ความคิดทางการเมืองของคนในประเทศแบ่งออกเป็นสองขั้ว ยิ่งถือเป็นเรื่องที่ควรต้องเอาใจใส่ เพราะหลายครั้งที่เรามักเห็นผู้ประกาศข่าวที่นั่งเล่าข่าว คุยข่าว บางคนก็เผลอใส่ความคิดเห็นของตัวเองผสมผสานเข้าไปกับตัวข่าวที่นำเสนอ

วันนี้ต้องยอมรับว่าการนำเสนอข่าวประเภทคุยข่าว หรือเล่าข่าว ระบาดไปทั่วผังสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีทุกช่อง ตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนออกไปทำงาน กระทั่งกลับมาบ้านดึกดื่น ก็ยังมีพิธีกรนั่งคุยข่าวเป็นเพื่อนคนนอนดึกๆ และไม่เฉพาะแต่สื่อทีวี กระแสคุยข่าวยังลุกลามขยายตัวไปสู่คลื่นวิทยุ

ทำให้รายการข่าวในปัจจุบันเปลี่ยนจากเดิมที่เคยเป็นรายการที่ให้สาระ ไปเป็นสาระบันเทิง หรือวาไรตี

เดิมทีนั้นการเล่าข่าวในสมัยก่อนจะมีอยู่ในคลื่นเอเอ็ม และรายการที่ได้รับความนิยมอย่างมากได้แก่ หญิงไทยไขข่าว โดยสมหญิง ยิ่งยศ แต่มาในยุคปัจจุบัน สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3

ถือเป็นช่องที่จุดประกายรายการทำนองนี้ เมื่อไปดึงเอานักข่าวและวิเคราะห์ข่าวดาวรุ่งชื่อ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ซึ่งมีปัญหากับต้นสังกัดเดิมคือช่องเนชั่น มาบุกเบิกรายการข่าวแนวใหม่ชื่อ เรื่องเล่าเช้านี้

เพียงไม่นานรายการข่าวแนวใหม่ในรูปแบบที่พิธีกรเล่าข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับเช้า ได้รับความนิยมสูง เอเยนซีโฆษณารุมซื้อเวลาโฆษณากันแน่นเอี้ยด จนช่อง 3 เห็นทางทำเงิน เอารายการเรื่องเล่าเช้านี้มาออกทางคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 105 พร้อมจัดขายโฆษณาเป็นแพ็กเกจ ว่ากันว่า

ความฮอตฮิตของพิธีกรเล่าข่าวคนดัง สรยุทธ สามารถดึงเม็ดเงินให้สถานีโทรทัศน์และวิทยุ มากกว่าที่เคยทำมาเลยทีเดียว

เหตุนี้ฟรีทีวีทุกช่องแห่มาชิงเค้กรายการเล่าข่าวช่วงเช้า เกิดเป็นปรากฏการณ์เล่าข่าว ขึ้น ไม่นำพาต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นรายการต้นทุนต่ำ แค่ลงทุนซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับละ 10 บาทมานั่งอ่านออกอากาศ ถือเป็นการหากินที่ง่าย

ถึงแม้รายการประเภทนี้จะไม่ได้ให้สาระของข่าวอย่างเต็มที่แก่ผู้ชมตามหลักการนิเทศศาสตร์ หนักไปทางโชว์เสียมากกว่าก็ตามที แต่รายการเล่าข่าวหรือคุยข่าว ทำให้คนในบ้านนี้เมืองนี้หันมาสนใจติดตามข่าวสารบ้านเมืองกันมากขึ้น เพราะพิธีกรข่าวทำหน้าที่ย่อยข่าวมาให้เป็นที่เรียบร้อย และเล่าข่าวด้วยภาษาพูดที่ชาวบ้านเข้าใจได้ แถมยังสนุกไปกับลีลาท่าทางและน้ำเสียงของผู้เล่าข่าว

นอกจากนี้ยังมีการเปิดให้ผู้ชมทางบ้านโทรศัพท์ร่วมสนุกในรายการ โดยมีของชำร่วยเล็กๆน้อยๆ เช่น เสื้อแจ๊กเกต กระเป๋าผ้า ฯลฯ สมนาคุณให้

ดังนั้นถ้าจะให้มีการจัดระเบียบรายการเล่าข่าว กลับไปรายงานข่าวตามรูปแบบเดิมๆ คือ

การนั่งอ่านข่าวตามสคริปต์อย่างเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นการชมข่าวของผู้ชมก็คงขาดสีสันอย่างแรง

แล้วอาจกระทบต่อเม็ดเงินโฆษณาที่สนับสนุนรายการด้วย

จะเห็นว่าปัจจุบันรายการเล่าข่าว คุยข่าว มีการปรับตัว โดยเพิ่มพื้นที่ข่าวซึ่งทีมข่าวของทางสถานีไปทำมา แทนที่จะอ่านแต่ข่าวหนังสือพิมพ์เป็นหลัก ทำให้ข่าวทันสถานการณ์ และมีความสดมากขึ้น ขณะเดียวกันการแสดงความคิดเห็นของพิธีกรนั้นทุกช่องก็พยายามควบคุมไม่ให้ล้นหรือเกินเลย

แต่สำหรับผู้ชมแล้วคิดว่ายังไม่เพียงพอ ยังมีพิธีกรเล่าข่าวบางคนยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น ถ้าทั้งตลาดมีการปรับตัวและเป็นที่ยอมรับของผู้ชม เชื่อว่าพิธีกรข่าวก็ต้องปรับตัวตาม เมื่อนั้นการชี้นำก็ลดน้อยลง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook