พีรพลโดนเด้งจากมท.เปิดใจ เล็งอุทธรณ์-ไร้ผลฟ้องศาล

พีรพลโดนเด้งจากมท.เปิดใจ เล็งอุทธรณ์-ไร้ผลฟ้องศาล

พีรพลโดนเด้งจากมท.เปิดใจ เล็งอุทธรณ์-ไร้ผลฟ้องศาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พีรพล ไตรทศาวิทย์ เปิดใจหลังเจอเด้งพ้นเก้าอี้ปลัดมหาดไทย เล็งอุทธรณ์ กพ.หากไร้ผลยื่นฟ้องศาลปกครองแน่ ชี้การเมืองล้วงลูกทำระบบข้าราชการป่วน วิชัย ปฏิเสธได้ดีเพราะใกล้ชิด สุเทพ-บิ๊กบัง”ชี้สนิทกับทุกคน ส.ว.แนะขรก.ทำงานด้วยฝีมือ

 ที่กระทรวงมหาดไทย  นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายทราบคำสั่งโยกย้ายไปช่วยงานราชการสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ตนยังไม่ทราบสาเหตุลึกๆในการโยกย้าย เป็นเพราะอะไร ที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณอะไรจาก นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ได้เผื่อใจว่า จะมีการโยกย้ายไว้พอสมควร ตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ ( ปชป. ) มาเป็นรัฐบาล แต่ตนยอมรับว่า เป็นอำนาจของรัฐบาล แต่จะเป็นธรรมหรือไม่นั้น ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ถ้าฝ่ายการเมืองมาล้วงลูกฝ่ายข้าราชการบ่อยๆ ข้าราชการทุกคนก็ต้องเตรียมใจไว้

 “ วันนี้ยังไม่รู้สาเหตุลึกๆถูกย้ายเพราะอะไร ไม่มีสัญญาณมาก่อน แต่ต้องมีเหตุหนึ่งเข้ามาแทรกซ้อน ที่ผ่านมาในฐานะข้าราชการประจำเราก็ทำงานอย่างดีที่สุด ไม่เคยอารยะขัดขืนต่อผู้บังคับบัญชา คิดว่า ได้สนองนโยบายรัฐบาลแล้วทุกอย่าง ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

 เมื่อถามว่า การโยกย้ายครั้งนี้เพื่อรองรับการโยกย้ายผู้ว่าฯสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่หรือไม่ นายพีรพล กล่าวว่า แล้วจะมอง เพราะตนไม่ทราบว่า อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่วันนี้บอกตรงๆไม่รู้สาเหตุ ไม่ว่า การโยกย้ายจะทำด้วยสาเหตุอะไร แล้วแต่จะมอง ตนอาจจะมองไม่ถูก แต่เขาอาจจะมองถูกก็ได้

 เมื่อถามว่า หากฝ่ายการเมืองเข้ามาล้วงลูกจะทำให้ฝ่ายการเมืองอ่อนแอหรือไม่ นายพีรพล นิ่งไปสักพัก พร้อมกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่า จะล้วงลูกอย่างไร แต่เหตุผลภายในจะเป็นอย่างไร ประชาชนจะดูเอาเอง แต่วันนี้ต้องว่า กันไปตามกระบวนการ ซึ่งการถูกย้ายครั้งนี้ตนจะขอใช้สิทธิ์ในการอุทธรณ์ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อระบบราชการ หากไม่สามารถอุทธรณ์ได้ก็จะฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป

 “ ผมไม่ได้คาดหวังเรื่องนี้อะไรมากนัก ชีวิตข้าราชการก็เป็นแบบนี้ ถูกใจก็อยู่ ไม่ถูกใจก็ไป ชีวิตผมเจอแบบนี้มาเป็นครั้งที่ 3 แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าช็อค แต่วันนี้บ้านเมืองมีความขัดแย้ง สถานการณ์ยังแหลมคม การโยกย้ายแบบนี้ มีสิทธิ์ที่จะโดนกระทบไปด้วย ” นายพีรพล กล่าว

 เมื่อถามว่า ความรู้สึกอย่างไรที่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง นายพีรพล กล่าวว่า ตนยึดการทำงานเป็นหลัก ไม่เคยเป็นเครื่องมือของใคร ที่ผ่านมาจะไม่ทำงานไปใกล้ชิดกับฝ่ายการเมือง จึงไม่เห็นภาพตนเข้าออกพรรคการเมืองพรรคไหน เพราะนี้คือจุดยืนของตน ไม่เหมือนบางคน ที่ทำตัวใกล้ชิดฝ่ายการเมืองมากเกินไป

 “ ไม่เป็นไร เป็นอำนาจของฝ่ายการเมือง เราไม่มีปัญญาไปสู้รบปรบมือกับเขาได้ แต่จะใช้สิทธิพื้นฐานตามที่เรามีเรียกร้องไป แต่ผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ สำหรับผมไปทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่มีอารยะขัดขืน ที่ผ่านมาอาจจะมี บางคนมองว่าผมเป็นคนแข็ง อะไรที่ไม่ถูกต้องผมก็จะไม่ยอม การที่คนแข็งๆแบบผมสามารถมาเป็นปลัดกระทรวงได้ ก็ถือว่าเก่งแล้ว ก็อยากให้ข้าราชการที่แข็งๆ เห็นตัวอย่างไว้ ” นายพีรพล กล่าว

"วิชัย”ปฏิเสธได้ดีเพราะใกล้ชิด “สุเทพ-บิ๊กบัง”

นายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนว่า ฝ่ายประจำกับฝ่ายการเมือง ก็เหมือนเหรียญ 2 ด้าน ที่ต้องมีอยู่คู่กัน ฝ่ายการเมืองดูนโยบาย และข้าราชการระดับสูงต้องผ่านการแต่งตั้ง โดยฝ่ายที่ดูนโยบาย การที่ถูกมองว่า สนิทกับฝ่ายคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช.) และพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นเรื่องที่ตนมักจะถูกมองว่า เวลาทำงาน จะสนิทกับทุกฝ่าย มีความสัมพันธ์กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเพียงคนจังหวัดเดียวกัน แค่เคยรู้จัก แต่ยังไม่ได้พบหน้ากัน ตั้งแต่นายสุเทพ เป็นรัฐมนตรี และเพิ่งจะทราบว่า ได้รับการแต่งตั้งเมื่อเช้าวันนี้ ส่วนความสัมพันธ์กับทางฝั่ง คมช.นั้น ก็เพียงแค่ ตนเคยเป็น ผู้ว่าฯ จ.ลพบุรีมาก่อน ซึ่งขณะที่ดำรงตำแหน่ง ทาง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ก็อยู่ที่กรุงเทพแล้ว ขอยืนยันว่า ในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการจะพิจารณาอย่างเป็นธรรม เพราะในการทำงานที่ผ่านมา ได้ดูแลเรื่องระบบคุณธรรมอยู่ตลอดเวลา ส่วนการย้ายข้าราชการจะต้องมีการพิจารณาร่วมกัน

 สำหรับเรื่องการดูแลการชุมนุมของมวลชนเสื้อแดงนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เท่าใดนัก แต่เมื่อทราบว่า มีคำสั่งคิดแค่ว่า จะทำงานอย่างไร ที่จะสนองต่อนโยบายของรัฐบาลให้บรรลุผล ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็มีสัญญาณมาบ้างว่า จะมีการโยกย้าย

 เมื่อถามว่า การย้ายนายพีรพล เป็นไปอย่างชอบธรรมหรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่นายพีรพลเองก็ถือว่า เป็นคนที่มีความสามารถสูง ส่วนที่นายพีรพล จะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนั้น ยังไม่ทราบเรื่องนี้เช่นกัน แต่ตนก็จะทำงานตามคำสั่งและหน้าที่เดิมก่อน จนกว่าจะได้รับการโปรดเกล้าฯ ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่หนักใจเรื่องการถูกโจมตีว่า มาจากฝ่ายการเมือง เพราะตนก็ใกล้ชิดกับรัฐมนตรีมา ตั้งแต่สมัยนายอารีย์ วงศ์อารยะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และพล.อ.โกวิท วัฒนะ

ส.ว.ชี้การเมืองเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนแนะขรก.ทำงานด้วยฝีมือ นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา วุฒิสภา กล่าวถึงการการโยกย้ายนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ไปดำรงตำแหน่งปฏิบัติราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้นายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย มาดำรงตำแหน่งแทน ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง เมื่อการเมืองมีการเปลี่ยนขั้วก็ย่อมมีการโยกย้ายข้าราชการ

 

 อย่างไรก็ตาม ตนจึงขอฝากข้อคิดให้กับข้าราชการทุกกระทรวงไม่เฉพาะกระทรวงมหาดไทยเท่านั้นใน 2 เรื่อง ว่า 1.อยากเห็นข้าราชการทำงานด้วยฝีมือของตนเองเพื่อให้ก้าวหน้าทางราชการ โดยไม่ต้องอาศัยการเมืองเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น บางคนเป็นเณรไม่เท่าไรก้าวขึ้นมาเป็นพระ เพราะบางคนก็ไปเฝ้านักการเมืองทั้งเช้าทั้งเย็น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเห็นการโยกย้ายข้าราชการทุกครั้งเมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว

 2. ไม่อยากเห็นการเมืองเข้ามายุ่งกับข้าราชการ อยากให้การเมืองดูการทำงานของข้าราชการว่า มีฝีมือจริงหรือไม่ ถ้ามีฝีมือจริงก็ควรส่งเสริม เพราะนักการเมืองใครมานั่งเป็นนายตนเชื่อว่า ข้าราชการทุกคนก็ยอมรับและรับใช้ทุกคน จึงขอฝากข้อคิดทั้ง 2 เรื่องนี้ให้กับข้าราชการและนักการเมืองด้วย

 ผู้สื่อข่าวถามว่า การโยกย้ายปลัดกระทรวง มักการอ้างเพื่อความเหมาะสมและเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน นายดิเรก กล่าวว่า จะเหมาะสมหรือไม่ก็ตามที่เราๆก็เห็นๆกันอยู่ว่า พวกใครพวกมัน ดังนั้นการทำงานของข้าราชการทุกคนขอให้ทำงานด้วยฝีมือ ทำงานด้วยความรู้ ความสามารถ อย่าอาศัยนักการเมือง และทำงานเพื่อประชาชน อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่า การโยกย้ายครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้นเฉพาะกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น แต่จะมีทั้งข้าราชการกระทรวงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร

 "การโยกย้ายมักใช้ข้ออ้างเดิม เพื่อความเหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพการทำงาน แต่ใครๆก็รู้ คนที่ยึดโยงการเมือง เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้วก็ต้องไปตามการเมืองที่เปลี่ยนขั้ว ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องเสียใจอะไร ใครขึ่นมาเพราะการเมืองก็ต้องไปเพราะการเมือง"นายดิเรก กล่าว

 เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับการย้ายนายพีรพล แล้วให้นายวิชัย มาดำรงตำแหน่งแทนนายดิเรก กล่าวว่า โดยสายงานนักปกครองแล้ว ปลัดกระทรวงมหาดไทยต้องมาจากกกรมการปกครองเป็นหลัก เพราะคนที่เป็นอธิบดีกรมการปกครองเป็นผู้มีอาวุโส แต่ปัจจุบันหลักการเปลี่ยนไปอธิบดีกรมไหนก็มาเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า นายวิชัยเองก็เป็นผู้อาวุโสเป็นถึงรองปลัดกระทรวงและนายวิชัยเองก็มาจากกรมการปกครอง ตนในฐานะอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดมองว่า การเอานายวิชัยมาเป็นปลัดกระทรวงก็ไม่เสียหาย สังคมยอมรับได้ อีกทั้งตัวของนายวิชัยเองก็จะเกษียณอายุราชการในเดือน ต.ค.นี้ ขณะที่นายพีรพลเหลืออายุราชการอีกหลายปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook