สาทิตย์ไม่หวั่นเหตุโยกพีรพลกระทบรัฐบาล

สาทิตย์ไม่หวั่นเหตุโยกพีรพลกระทบรัฐบาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(21ม.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีครม.สั่งย้ายนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า การโยกย้ายข้าราชการที่ผ่านมาในอดีตบางกรณีมีสาเหตุจากความไม่ปกติ เช่น การโยกย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จนส่งผลถึงการพิจารณาคดีหุ้นเอสซีแอสเซท และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่การโยกย้ายในกรณีอื่นๆ ผู้ที่โยกย้ายต้องมีเหตุผลและอำนาจที่สามารถสั่งการได้ ซึ่งข้าราชการที่ถูกโยกย้ายสามารถจะอุทธรณ์ได้ หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นกรณีโยกย้ายนายพีรพลครั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จึงต้องอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน เบื้องต้นเท่าที่ทราบเหตุผลจากที่ประชุม ครม.มาจากความต้องการให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ใช่เรื่องที่ไปกลั่นแกล้ง และตำแหน่งที่ย้ายนายพีรพลมานั้น เป็นตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทาง ก.พ.เปิดเอาไว้รองรับข้าราชการระดับ 11ที่ถูกย้าย ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้ว และขณะนี้ก็ยังมีตำแหน่งว่างอยู่

เมื่อถามว่าแต่นายพีรพลได้ยื่นอุทธรณ์เพราะมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโยกย้ายครั้งนี้ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่ข้าราชการในยุคนี้สามารถที่จะอุทธรณ์ได้ และมองว่าเป็นเรื่องดีที่จะทำให้มีการตรวจสอบคำสั่ง และถ้าศาลปกครองรับเรื่อง รัฐบาลก็มีหน้าที่ไปชี้แจงให้ชัดเจน เมื่อถามว่าการปรับเปลี่ยนตำแหน่งดังกล่าวจะช่วยทำให้บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ดีขึ้นหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เหตุผลหลักคือหวังผลเรื่องการทำงานในกระทรวงมหาดไทยมากกว่า โดยที่มีการชี้แจงในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องการชุมนุม

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินเข้ามาในรายการของสถานีโทรทัศน์ดีทีวี หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกรายการ เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์ จบ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่สามารถจะสื่อสาร ไม่มีสิ่งใดที่จะไปห้ามไม่ให้ทำ และไม่ได้กังวลว่าหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินแล้วจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้โฟนอินมาที่ประเทศไทยและติดต่อกับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่คนรู้จักคุ้นเคยกันจะติดต่อพูดคุยซึ่งกันและกัน และประชาชนก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกดูหรือไม่ดูการโฟนอินดังกล่าว ส่วนจะเชื่อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเน้นพูดคุยเรื่องวิสัยทัศน์ รวมทั้งนโยบายต่างๆของรัฐบาล เกรงหรือไม่ว่าจะถูกนำมาเปรียบเทียบ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งตนอยากให้มีการนำมาเปรียบเทียบ เพราะจะทำให้รัฐบาลทำงานด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ประชาชนจะได้ประโยชน์จากข้อมูลที่ พ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาลนำเสนอ เมื่อถามว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะออกโทรทัศน์ เพราะมีสถานะเป็นนักโทษที่หลบหนีคดี นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องคิดได้เอง รัฐบาลทำได้เพียงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องคดีเท่านั้น แต่ช่วงเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย การโทรศัพท์เข้ามาที่สถานีโทรทัศน์ก็สามารถทำได้ ส่วนผู้จัดรายการที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาออกรายการนั้นก็จะต้องมีความรับผิดชอบ หากมีการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

ต่อข้อถามว่า ส.ส.ที่ประสานไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณให้มาร่วมรายการ จะต้องรับผิดชอบในทางกฎหมายด้วยหรือไม่ เพราะเข้าข่ายรู้ที่อยู่ของนักโทษแต่ไม่แจ้งให้ตำรวจดำเนินการ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามหมายจับต้องไปดำเนินการเอง ส่วน ส.ส.ที่ยังติดต่อกับพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ตนเข้าใจว่ายังมีความผูกพันกันอยู่ แต่ ส.ส.ควรจะคิดได้เองว่าการดำเนินการใดๆ อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะขณะนี้บ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อย ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแค่แสดงความคิดเห็นผ่านโทรทัศน์ก็ทำได้ แต่ถ้ามีสิ่งใดที่นอกเหนือจากขอบเขตดังกล่าวก็ต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามว่าหากการออกรายการของ พ.ต.ท.ทักษิณมีจุดประสงค์เพื่อต้องการสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลแล้วรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่มีใครรู้จุดประสงค์ในการออกรายการ ส่วนจะสั่นคลอนรัฐบาลได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเราไม่ได้รู้สึกกังวล รัฐบาลยึดการทำงานตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ถ้าการกระทำของแต่ละฝ่ายอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายก็สามารถทำได้ และรัฐบาลไม่จำเป็นต้องไปจับตาดูเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่กลุ่มคนดังกล่าวได้ดำเนินการอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการสร้างข่าวให้มากขึ้น จึงต้องออกมาพูดให้มีสีสัน ชวนให้น่าติดตาม อย่างไรก็ตามประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดในรายการก็จะถูกบันทึกเป็นหลักฐาน ถ้ามีสิ่งใดที่ละเมิดสิทธิและพาดพิงบุคคลอื่น ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประเมินหรือไม่ว่าชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณยังมีมนต์ขลังเพียงพอที่จะทำให้เกิดปัญหาทางการเมืองได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีคนรัก มีคนชอบ แต่รัฐบาลเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศ อยากเห็นบ้านเมื่องเดินไปสู่ความสงบ รัฐบาลสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ จึงไม่อยากยกประเด็นของ พ.ต.ท.ทักษิณมาใช้ห้ำหั่นกันและกัน ปัญหาการเมืองยังไม่ใช่ประเด็นหลักที่รัฐบาลจะต้องแก้ไข แต่เรื่องปากท้องของประชาชนเป็นความสำคัญอันดับแรกที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไข

รายการคม-ชัด-ลึกตอน-เมื่อโลกได้ โอบามา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ

Change หรือ เปลี่ยน คือ สโลแกนสั้นๆ เพียงคำเดียวของ บารัก โอบามา ซึ่งส่งให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ท่ามกลางความคาดหวังของทั้งคนอเมริกา และคนทั้งโลกว่า โอบามาจะก้าวเข้ามาเปลี่ยนสหรัฐ และโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook