อัศวินไม่ปฏิเสธนั่งอธิบดีDSI แต่อยากเกษียณหน้าที่ตำรวจ

อัศวินไม่ปฏิเสธนั่งอธิบดีDSI แต่อยากเกษียณหน้าที่ตำรวจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(21ม.ค.) เช้าวันนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. และพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้น พล.ต.อ.ธานี ให้สัมภาษณ์ว่า รายละเอียดหารือกับนายอภิสิทธิ์นั้นคงเปิดเผยไม่ได้ต้องไปถามนายกรัฐมนตรีเองว่ามีเรื่องของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)หรือไม่ เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่หากต้องมีการรื้อคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า คดีของทนายสมชายทางดีเอสไอก็ดำเนินการอยู่ ส่วนจะสามารถจับตัวคนทำผิดได้หรือไม่นั้นขณะนี้คดีก็เดินหน้าต่อไป

การทำงานก็ย่อมมีปัญหาข้อขัดข้องและอุปสรรคบ้างแต่ก็ต้องทำต่อไป ซึ่งก็ต้องใช้เวลาสืบสวนหาพยานหลักฐานกันต่อไปทั้งการตามหาตัวทนายสมชายและผู้กระทำความผิด อย่างไรก็ตามยอมรับว่าคดีตอนนี้คืบหน้าไปมาก เมื่อถามย้ำว่าเงื่อนงำการคลี่คลายคดีเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ไม่เกี่ยว

เมื่อถามว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะสรุปคดีได้ รองผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องดูว่ารวบรวมพยานหลักฐานได้แค่ไหนอย่างไร ซึ่งการทำคดีดังกล่าวยืนยันว่าไม่มีการหยุด เจ้าหน้าที่ก็ทำอย่างต่อเนื่องเพียงแต่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งยังมีพยานหลักฐานอีกจำนวนมากที่เราต้องไปดำเนินการ ซึ่งตนยอมรับว่าคดีของทนายสมชายเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาภาคใต้

ด้านพล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องข่าวที่จะมอบหมายให้ตนดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ไม่ทราบว่าข่าวออกมาอย่างไร นายกรัฐมนตรีเรียกมาหารือวันนี้ก็เพื่อให้เป็นผู้ช่วย พล.ต.อ.ธานี ทำงานในส่วนคดีต่างๆที่คั่งค้างอยู่ 4-5 คดี ที่เกี่ยวกับความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งตนเองก็ถือว่าเป็นคนใหม่ในคดีเหล่านี้ ทั้งคดีการหายตัวของทนายสมชาย คดีชิ๊ปปิ้งหมู คดีสามีภรรยาชาวอังกฤษที่ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยแสตมป์ฟอร์ด สาขาหัวหิน ถูกฆ่าที่อำเภอหัวหินซึ่งรัฐบาลอังกฤษเร่งรัดมา และไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลคดีเหล่านี้ เพราะคดีส่วนใหญ่อยู่ในการดูแลและรับผิดชอบของดีเอสไออยู่แล้ว

เมื่อถามว่าคดีชิปปิ๊งหมูจะเกี่ยวพันกับการเมืองและรัฐบาลเก่าหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ตนเป็นตำรวจก็ทำงานในอาชีพของตัวเอง ไม่ได้ใส่ใจว่าคดีจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ถือว่าทำตามหน้าที่ อย่างสมัยที่ตนทำหน้าที่ ผบช.น.ก็โดนไปช่วยราชการประจำก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว คิดว่าถ้าสิ่งใดคิดถูกและทำถูกก็ทำ ส่วนอะไรจะเกิดก็แล้วแต่ ผมคิดว่าควรจะทำก็ทำอย่างนั้น ใครจะไปให้ทำอะไรผมก็ไม่ทำ หรือเขาบอกไม่ให้ทำแต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องถูกผมก็จะทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่าการทำงานจะต้องไปรับผิดชอบอยู่ที่ดีเอสไอหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ต้อง เมื่อถามว่าแสดงว่าจะไม่รับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไออย่างนั้นหรือ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ไม่ใช่บอกว่าไม่รับ แต่ผมเป็นตำรวจมาทั้งชีวิตก็อยากเกษียณชีวิตราชการในตำแหน่งของตำรวจน่าจะเหมาะสมกว่า เมื่อถามว่าคิดว่าคิดว่ายากหรือไม่กับคดีที่ต้องรับผิดชอบ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ยอมรับว่ายากแต่เชื่อว่าถ้าเรามีความจริงใจในการสานต่อก็มีโอกาสที่จะคลี่คลายคดีได้ ซึ่งเราจะค่อยๆทำไปแต่จะไม่เยิ่นเย้อหรือยืดเยื้อเพราะตนเป็นคนใจร้อน จะทำให้เร็วที่สุด

ต่อข้อถามว่าแสดงว่าที่ผ่านมาตำรวจละเลยการสอบสวนคดีเหล่านี้ใช้หรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น มันเหมือนกับการที่เราต้องไปงมอะไรสักอย่างในแม่น้ำก็อยู่ที่โชคเหมือนกัน ถ้าโชคดีก็อาจจะงมตรง โชคไม่ดีก็งมไม่ตรง

เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่จริงจังทำให้คดีความไม่คืบหน้า พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดขนาดนั้น แต่ยืนยันว่าถ้าเข้ามารับผิดชอบแล้วก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ ส่วนจะได้แค่ไหนก็ต้องว่ากันอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามการมารับผิดชอบในครั้งนี้ นายกรัฐมนตีก็บอกว่าให้ทำไปตามเนื้อผ้า และพยานหลักฐานข้อเท็จจริง เราจะไม่มีการเสกสรรปั้นแต่งพยานหลักฐานต่างๆ หรือปิดบังส่วนใดส่วนหนึ่งไว้ และมั่นใจว่าคดีที่รับผิดชอบจะสามารถปิดได้ทุกคดี

รายการคม-ชัด-ลึกตอน-เมื่อโลกได้ โอบามา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ

Change หรือ เปลี่ยน คือ สโลแกนสั้นๆ เพียงคำเดียวของ บารัก โอบามา ซึ่งส่งให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ท่ามกลางความคาดหวังของทั้งคนอเมริกา และคนทั้งโลกว่า โอบามาจะก้าวเข้ามาเปลี่ยนสหรัฐ และโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook