เพื่อนร่วมชั้นเรียนในอินโดนีเซีย จัดฉลองพิธีสาบานตนโอบาม่า

เพื่อนร่วมชั้นเรียนในอินโดนีเซีย จัดฉลองพิธีสาบานตนโอบาม่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(21ม.ค.) อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่อินโดนีเซียของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ต่างเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจและควาดหวัง หลังจากเด็กชายตัวอ้วนจ้ำม่ำที่พวกเขารู้จักในชื่อ แบร์รี่ กลายเป็นผู้ชายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก โดยเทวี อัสมาร่า โอเอโทโจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของอินโดนีเซีย ที่เรียนชั้นประถมโรงเรียนเดียวกับโอบาม่า ที่กรุงจาการ์ต้า ในช่วงทศวรรษที่ 1960 กล่าวว่า อดีตเพื่อนร่วมชั้นของเธอเป็นนักสร้างสันติภาพที่มีวิสัยทัศน์ระดับโลก

ส.ส.โอเอโทโจ เปิดเผยหลังชมพิธีสาบานตนว่า แน่นอนว่า ภาคภูมิใจและตื้นตันใจว่า แบร์รี่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวัยเด็ก ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีของประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเชื่อว่าเขาจะสามารถนำความเปลี่ยนแปลง เพราะแม้แต่ตอนเป็นเด็ก เขามีวิสัยทัศน์ต่อโลกแล้ว ซึ่งจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา ในการสร้างสะพานบนความขัดแย้งระหว่างตะวันตกกับตะวันออก และจะนำสันติภาพมาสู่โลก

ส.ส.โอเอโทโจ ยังกล่าวด้วยว่า บรรดาอดีตเพื่อนร่วมชั้นของโอบาม่า ที่คอยติดตามทุกย่างก้าวก่อนขึ้นเป็นประธานาธิบดี จะไปร่วมชุมนุมกันในวันนี้ ที่โรงเรียนเก่า ตั้งอยู่ย่านเม็นเต็ง ชานกรุงจาการ์ต้า เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองพิธีสาบานตน ทุกคนต้องการแสดงความยินดีกับโอบาม่า,ภรรยาและลูกสาว

โอบาม่า ซึ่งเป็นบุตรชายของบิดาชาวเคนย่าและมารดาชาวอเมริกัน เติบโตที่ฮาวาย และย้ายไปอยู่อินโดนีเซีย ตอนที่อายุได้ 6 ขวบ หลังมารดาซึ่งหย่าขาดจากบิดาชาวเคนย่า และแต่งงานใหม่กับชาวอินโดนีเซีย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้นำทั่วโลกร่วมแสดงความยินดีและแสดงความเชื่อมั่นต่อประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐ บารัค โอบาม่า โดยประธานาธิบดีนิโคลาร์ ซาร์โกซี่ของฝรั่งเศส บอกว่าพวกเราอยากให้โอบาม่าเริ่มทำงาน เพื่อจะได้ร่วมกันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในโลก ส่วนนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ของอังกฤษชี้ว่า โอบาม่าเป็น บุรุษผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และการมาถึงของโอบาม่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ของทั้งประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาและของโลก โอบาม่าไม่ได้เป็นเพียงประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐ แต่ยังมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ของโลก

ด้านนายกรัฐมนตรีทาโร่ อาโซของญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นจะทำงานร่วมกับโอบาม่า เพื่อส่งเสริมให้เกิดสันติภาพและความมั่งคั่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคและในโลก ส่วนหัวหน้าด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปหรืออียู ฮาเวียร์ โซลาน่า ระบุในบทความของหนังสือพิมพ์ เดอะ ไฟแนลเชียล ไทมส์ว่า รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของโอบาม่าจะเป็นโอกาสให้ทั้งสองทวีป ตอกย้ำถึงฉันทามติในการดำเนินการทางการทูตแบบหลายฝ่าย พร้อมเสนอบทเรียน 5 ประการเกี่ยวกับการทูตโลก เช่น การให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่าการใช้กำลังทหาร และการยอมรับว่า ไม่มีประเทศใดเพียงหนึ่งเดียวแม้แต่สหรัฐที่จะแก้ปัญหาได้แต่เพียงลำพัง

แต่ผู้นำอีกหลายประเทศได้ฝากคำเตือนถึงผู้นำใหม่สหรัฐ อย่างนายกรัฐมนตรีแองเกล่า แมร์เคิลได้อวยพรให้โอบาม่าโชคดี พร้อมกับเตือนว่า โอบาม่าไม่สามารถโน้มน้าวให้เยอรมนีเพิ่มกำลังทหารในอัฟกานิสถานมากไปกว่าที่มีอยู่แล้ว 4 พัน 5 ร้อยนายได้ และแสดงความไม่แน่ใจว่า แผนของโอบาม่าที่จะหารือโดยตรงกับอิหร่าน ซึ่งหลายประเทศกล่าวหาว่า พยายามผลิตอาวุธนิวเคลียร์จะประสบความสำเร็จ

ด้านนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียมองในแง่ลบว่า เขาเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ความผิดหวังอย่างใหญ่หลวงมีที่มาจากความคาดหวังอย่างสูง ขณะที่ประธานาธิบดีหู จิ่น เทาของจีนแสดงความหวังว่า จีนและสหรัฐจะพยายามปรับปรุงและส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างกัน

ผู้นำคนใหม่สหรัฐมีความท้าทายมากมายรออยู่เบื้องหน้า ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ สงครามในอิรักและอัฟกานิสถานรวมถึงความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่สหรัฐมีบทบาทสำคัญ แม้สถานะของสหรัฐในโลกจะถือว่า ตกต่ำกว่าที่เคยเป็นมาในช่วงหลายสิบปี

รายการคม-ชัด-ลึกตอน-เมื่อโลกได้ โอบามา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ

Change หรือ เปลี่ยน คือ สโลแกนสั้นๆ เพียงคำเดียวของ บารัก โอบามา ซึ่งส่งให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ท่ามกลางความคาดหวังของทั้งคนอเมริกา และคนทั้งโลกว่า โอบามาจะก้าวเข้ามาเปลี่ยนสหรัฐ และโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook