พีระพันธุ์เตรียมตั้งคณะทำงานช่วยเร่งคดีสำคัญ ดีเอสไอ

ที่กระทรวงยุติธรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีเกี่ยวกับความมั่นคงว่า ตนไม่ได้เข้าร่วมการหารือด้วย จึงไม่ทราบรายละเอียด แต่ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ตนได้สั่งการไปยังพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้เร่งปิดสำนวนคดีสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคง รวมถึงคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งมีพล.ต.อ.ธานีเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้รับรายงานว่ามีความคืบหน้า แต่ยังขาดพยานหลักฐานสำคัญ เพราะคดีนี้ใช้เวลาสอบสวนนาน จนอาจเป็นปัญหาด้านการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ จึงกำชับให้เร่งสอบสวนคดี ไม่ว่าจะมีผลคืบหน้าอย่ารก็ต้องปิดสำนวนคดีให้ได้

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีฆ่าอุปทูตซาอุดิอาระเบีย และการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวซาอุฯ นั้น พ.ต.อ.ทวีได้เดินทางไปประสานขอความร่วมมือกับประเทศซาอุฯ เป็นระยะๆ คดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถปิดได้ อย่างไรก็ตาม คดีนี้จะขาดอายุความลงในปี 2553 ดังนั้น ภายหลังการปรับระบบการทำงานในกระทรวงยุติธรรม และมีการแต่งตั้งคณะทำงาน 8 คณะขึ้นมาช่วยงานในสำนักงานรัฐมนตรี ตนจะเรียกข้อมูลคดีสำคัญมาเร่งรัดอย่างจริงจังอีกครั้ง

ด้าน พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี เพื่อหาหลักฐานคดีนายสมชายและมีการนำชิ้นส่วนกระดูกไปตรวจหาดีเอ็นเอหลายครั้ง แต่ผลไม่ตรงกับดีเอ็นของนายสมชาย นอกจากนี้ ยังได้เก็บหน้าดิน จากบ่อขยะ ต.ห้วยชินสีห์ อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นบริเวณที่สายสืบระบุว่า มีการนำนายสมชายมาเผาเพื่อทำลายศพตรวจหาสารเคมีและไขมันจากผิวดิน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีหญ้าขึ้น แต่พื้นที่โดยรอบมีหญ้าขึ้นเต็มไปหมด ซึ่งผลพิสูจน์ยังไม่แล้วเสร็จ อยู่ในขั้นตอนการตรวจของหน่วยนิติพยาธิ โรงพยาบาลรามาธิบดีอย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวขาดประจักษ์พยาน มีเพียงพยานแวดล้อม ดีเอสไอจึงพยายามรวบรวมหลักฐานประกอบคดีให้ได้มากที่สุด ล่าสุดได้ส่งถังเหล็กที่จมอยู่ในแม่น้ำแม่กลองให้องค์กรต่างประเทศวิเคราะห์แล้ว