สมคิดเตือนรัฐตั้งรับศก.ไทยซึมยาว3ปี จี้ปั่นราคาสินค้าเกษตรดีกว่าให้ที่ดิน-อุ๋ยจี้สร้างงาน

สมคิดเตือนรัฐตั้งรับศก.ไทยซึมยาว3ปี จี้ปั่นราคาสินค้าเกษตรดีกว่าให้ที่ดิน-อุ๋ยจี้สร้างงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเรื่อง มองอนาคตประเทศไทย ในงานสัมมนาประจำปี อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีชี้หลักเศรษฐกิจปี52 ที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทาราแกรนด์ ลาดพร้าว ว่า ต้องให้กำลังใจรัฐบาลในการทำงาน แต่การดำเนินนโยบายต่างๆ ควรต้องมีความรอบคอบ เนื่องจากงบประมาณของประเทศมีน้อย ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้อาจกินเวลา 1-2 ปี หรืออาจถึง 3 ปี จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลต้องยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้พอกับรายจ่ายดีกว่าการแจกที่ดินให้กับเกษตรกร และกระจายเม็ดเงินงบประมาณออกไปทุกส่วนจึงจะมีพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ใช่กระจายผ่านกระทรวงต่างๆ ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนต่างชาติต้องดูเรื่องกฎหมาย สังคม สร้างความสงบให้เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และต้องพัฒนาประเทศต่อเนื่อง หากรัฐบาลพิสูจน์ให้ต่างชาติเห็นภายใน 4-5 เดือนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนเอง

นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 ม.ค.นี้ ธปท.จะทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะยังคงประมาณการในอัตราเดิมที่ 0.5-2.5%

ด้านม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในงาน 60 ปี เศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 1 เรื่อง ประเทศไทยกับการพัฒนาตามกระแสโลกาภิวัตน์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า ส่วนตัวมองว่ามาตรการภาษีต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นการช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน ทำให้คนอยากซื้อบ้าน ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่รอดได้ แต่คงเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเพียงพอหรือไม่ เพราะอย่างมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ยังไม่รู้ว่าความต้องการซื้อบ้านมากน้อยแค่ไหน ส่วนงบประมาณแก้ไขปัญหาแรงงานนั้นตนมองว่าน้อยเกินไป เพราะครึ่งหนึ่งของงบประมาณรายจ่าย 1.15 แสนล้านบาทนั้นรัฐบาลควรนำมากระตุ้นให้เกิดการจ้างงานมากกว่าการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนคนละ 2,000 บาท เพราะการแจกเงินจะกระตุ้นการใช้จ่ายชั่วคราวได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น

ส่วนการพัฒนาตลาดเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องดูแลไม่ให้สถาบันการเงินของไทยมีความเสี่ยงตามตลาดการเงินโลก ด้านตลาดทุนไทยต้องลดบทบาทการครอบงำจากนักลงทุนต่างชาติลง แม้ว่าในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลกทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้น และเหลือสัดส่วนที่ต่างชาติถืออยู่ 30% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด แต่ถือว่ามีปริมาณการซื้อขาย(วอลุ่ม)สูงถึง 70-80% ต่อวัน รัฐบาลต้องสนับสนุนให้คนในประเทศเข้ามาลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยเองมากขึ้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯได้ปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีปี52 จาก 0-2% เป็น 2-2.5% เนื่องจากคาดว่าผลจากมาตรการกระต้นเศรษฐกิจทั้งหมดของรัฐบาลสามารถผลักดันจีดีพีประเทศให้เพิ่มขึ้นจากเดิมได้อีก 2-2.5%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook