My Liverpool: ลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูง!

My Liverpool: ลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูง!

My Liverpool: ลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูง!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ลิเวอร์พูล หวนคืนสู่จ่าฝูงในตารางคะแนนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันบ็อกซิ่งเดย์หลังจากพวกเขาเปิดรังแอนฟิลด์ถล่มผู้มาเยือนอย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 4-0 พร้อมสร้างสถิติไม่แพ้ใครเพียงทีมเดียวในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ปี 2014 โดยชนะติดต่อกันมาเป็นเกมที่ 8 เข้าให้แล้ว

เส้นทางสู่การลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบกว่า 24 ปีของลิเวอร์พูลเริ่มเห็นเค้าลางที่คมชัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆหลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสถานการณ์เป็นใจให้กับพวกเขาทั้งการสะดุดแพ้เกมลอนดอน ดาร์บี้ ของ เชลซี ต่อ คริสตัล พาเลซ

รวมถึงผลเสมอของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่โดน อาร์เซน่อล แบ่งแต้มขณะที่ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไม่พลาดในการรับมือ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่แอนฟิลด์ด้วยการไล่ถล่มผู้มาเยือนจากลอนดอนไปขาดลอยถึง 4-0

เกมออกสตาร์ทได้เพียงสองนาที ลิเวอร์พูล ขยับนำไปแล้ว 1-0 เมื่อ ยูเนส คาบูล ที่พยายามจะสกัดบอลจากการเปิดเข้ากลางของ เกล็น จอห์นสัน เข้าประตูตัวเองไป ลิเวอร์พูล มีเกมรุกที่อันตรายสุดๆ

 

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พาลิเวอร์พูลทำผลงานลิ่วติดลมบนอยู่ในเวลานี้

และถึงนาทีที่ 25 สกอร์บอร์ดต้องขยับอีกครั้งเมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ฉวยโอกาสความผิดพลาดของแนวรับทีมเยือน ไมเคิ่ล ดอว์สัน เข้าไปทำประตู 2-0 ให้กับทีมและขยับยอดรวมการทำประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เพิ่มขึ้นเป็น 29 ประตูนำโด่งในอันดับดาวซัลโวและทำลายสถิติยิงเยอะสุดของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกในหนึ่งฤดูกาลของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ทำเอาไว้ที่ 28 ประตูในฤดูกาล 95-96

ฟิลลิป คูตินโญ่ ยิงไกลจากระยะกว่า 25 หลาให้ ลิเวอร์พูล ทิ้งขาด 3-0 หลังเล่นครึ่งหลังไป 10 นาทีก่อนที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะซัดฟรีคิกปิดท้ายย้ำชัยชนะให้กับ "หงส์แดง" ก่อนหมดเวลา 15 นาที

ความพ่ายแพ้ของ เชลซี ที่เซลเฮิร์สท์ ปาร์ค และผลเสมอของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ทำให้ ลิเวอร์พูล แซง เชลซี ขึ้นมาเป็นจ่าฝูงแทนเป็นที่เรียบร้อยโดยทั้งสองทีมลงเล่นไปแล้ว 32 เกมเท่ากันแต่ ลิเวอร์พูล เก็บได้ 71 คะแนนมากกว่าทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ อยู่ 2 คะแนน ส่วน ซิตี้ นั้นอาจมีแต้มน้อยกว่า ลิเวอร์พูล 4 คะแนนแต่พวกเขายังมีเกมในมือตกค้างอยู่อีก 2 เกม

อย่างไรก็ดีสถานการณ์ในการลุ้นแชมป์นั้นอยู่ในมือของลิเวอร์พูล เพราะหากพวกเขาเอาชนะทั้ง 6 เกมที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนี้ได้ทั้งหมด พวกเขาก็จะมีคะแนนมากที่สุดและคว้าแชมป์ไปครองโดยไม่ต้องสนใจผลงานของ ซิตี้ และ เชลซี แต่อย่างใด

 เดยัน ลอฟเรน มีสิทธิ์ย้ายมาหงส์แดง

ยังมีข่าวในตลาดซื้อขายผู้เล่นที่เกี่ยวข้องกับลิเวอร์พูลมาอัพเดตกันเหมือนเดิมครับ แม้ว่ากว่าจะทำการซื้อขายกันได้จะต้องรอจนถึงตลาดหน้าร้อนที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งก็ตาม

ล่าสุดมีข่าวว่าลิเวอร์พูลสนใจในตัวของ เดยัน ลอฟเรน ปราการหลังเลือดโครแอตของทีม "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน ที่ทำผลงานได้ดีและยังเคยทำประตูชัยให้ทีมของเขาบุกมาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ถึงแอนฟิลด์เมื่อต้นฤดูกาลมาแล้ว

ทั้งนี้ ลอฟเรน เคยตกเป็นเป้าสนใจของ "หงส์แดง" มาก่อนทว่ากลับเป็น เซาแธมป์ตัน ที่ยื่นข้อเสนอตัดหน้าและคว้าตัว ลอฟเรน ไปร่วมทีมได้สำเร็จด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์เมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน ปัจจุบัน ลอฟเรน อายุ 24 ปี มีข่าวว่าตกเป็นเป้าสนใจของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ด้วยเช่นกันแต่กับการที่ ยูไนเต็ด ยังไม่ชัวร์ว่าจะได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลยุโรปหรือไม่ในฤดูกาลหน้าทำให้โอกาสที่ ลอฟเรน จะเลือกตอบรับข้อเสนอของ "หงส์แดง" จึงมีความเป็นไปได้มากกว่า

สมัยที่ เร้ดแนปป์ จูเนียร์ ยังเล่นให้กับลิเวอร์พูลนั้น เขาถือเป็นหนึ่งในนักเตะคนโปรดของแฟนๆเช่นกัน

แฟนๆยังจำ เจมี่ เร้ดแนปป์ กันได้หรือไม่ครับ มีมุมมองของอดีตมิดฟิลด์หนุ่มรูปหล่อรายนี้ที่ปัจจุบันผันตัวเองมาทำงานด้านฟุตบอลกับการเป็นสื่อเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์และการทำหน้าที่เป็นคอมเมนเตเตอร์ทางโทรทัศน์

ล่าสุดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ได้แสดงความเห็นว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ หลุยส์ ซัวเรซ คู่ควรกับการจะได้รับเลือกให้คว้ารางวัลผู้จัดการทีมแห่งปีและนักเตะแห่งปีตามลำดับ

ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล มีคะแนนห่างจากแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 28 คะแนนเมื่อจบฤดูกาลแต่ในฤดูกาลนี้ทีมทำผลงานได้ดีเยี่ยมจนล่าสุดขึ้นนำเป็นจ่าฝูงมีแต้มทีมไล่หลังมาอย่าง เชลซี อยู่ 2 คะแนน และหากเทียบกับลิเวอร์พูลในยุคหลังๆภายใต้การทำทีมของ เชราร์อุลลิเย่ร์ และ ราฟา เบนิเตซ ที่พาทีมคว้าแชมป์หลายรายการรวมถึงการได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยของยุโรป จะเห็นว่าลิเวอร์พูลภายใต้การดูแลของ ร็อดเจอร์ส มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างออกไป จากอดีตกุนซือต่างชาติทั้งสองคนอย่างชัดเจน

ในเกมลีกล่าสุดที่ถล่ม สเปอร์ส ในแอนฟิลด์นั้น ลิเวอร์พูล ที่กำลังไปได้สวยกับการมีกุนซือจากไอร์แลนด์เหนือนั้น พวกเขาใส่ชื่อนักเตะที่เป็นนักะเตะจากสหราชอาณาจักรมีชื่ออยู่ในเกมนี้มากถึง 6 คนใน 11 ตัวจริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook