แอตต้าชี้ท่องเที่ยวปี52ตกต่ำสุดรอบ2ปี ยอดห้องพักวูบ30%-สภาล่มฉุดเชื่อมั่นต่างชาติ
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย เผยว่า ขณะนี้แนวโน้มการท่องเที่ยวในไตรมาส 2, 3 และ 4 ยังคงไม่มีความชัดเจน ส่วนหนึ่งเกิดจากสถานการณ์การเมืองในประเทศยังไม่มีเสถียรภาพพอจะเรียกความเชื่อมั่นทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการให้กลับคืนมาได้ แต่ล่าสุดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถควบคุมการประชุมให้แล้วเสร็จได้ทำให้นักท่องเที่ยวมองว่าการเมืองไม่นิ่งอาจทำให้ไม่เชื่อมั่นประเทศไทยมากขึ้น รัฐบาลมองผลระยะสั้น เสมือนเตรียมตัวหาเสียงมากกว่า ปัจจัยลบดังกล่าว ทำให้คาดว่าภาพรวมธุรกิจโรงแรมในปีนี้ อัตราการเข้าพักจะอยู่ในระดับเฉลี่ย 60% จากปีที่ผ่านมา 65% และจะติดลบทุกภาคเฉลี่ย 10-30% แบ่งเป็น ภาคตะวันตก คาดว่าอัตราการเข้าพักจะลดลง 20-30%, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลง 10%, ภาคกลางลดลง 27.58%, ภาคเหนือลดลง 20% และภาคใต้ลดลง 15-20% ส่วนภาพรวมตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี51 ที่ผ่านมา ธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักลดลงราว 5-10% เป็นผลจากไตรมาสที่ 1-3 การท่องเที่ยวในประเทศมีการเติบโตสูง 10-15% ขณะที่ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเกิดเหตุการณ์ปิดสนามบิน ส่งผลให้อัตราการเข้าพักลดลง 20-30% ทำให้ฉุดตัวเลขอัตราการเข้าพักในทุกภาคเป็นลบในปีนี้ ยกเว้นภูเก็ตและภาคกลาง ซึ่งยังมีการเติบโต 4% และ 1% ตามลำดับ
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานบอร์ดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวสัมมนาในหัวข้อ คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวปี52 ว่า เทรนด์การท่องเที่ยวที่สำคัญในปีนี้มีทั้งหมด 12 ข้อ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลี เป็น 4 ประเทศใน 10 ประเทศที่คนไปมากที่สุด และเป็นตลาดที่สำคัญ โดยเฉพาะจีน, การท่องเที่ยวด้วยความสนใจพื้นฐาน ทำให้การทำตลาดผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรมเป็นสำคัญ, บัดเจ็ท โฮเต็ล และบัดเจ็ท แอร์ไลน์ทำให้พฤติกรรมการเดินทางของคนทั่วโลกเปลี่ยนไป สายการบิน จะจับมือกับภาคขนส่งอื่นมากขึ้น เช่นเดียวกับเรือสำราญ และการขนส่งภาคพื้นดิน, การท่องเที่ยวผ่านระบบออนไลน์ ทำให้เอเยนต์ทัวร์ กลายเป็นที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น, นิช มาร์เก็ต จะกลายเป็นแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวสำคัญในหลายประเทศ, การทำตลาดการท่องเที่ยวโดยใช้จุดแข็งด้านวัฒนธรรม, คู่แข่งและคู่ค้า จะร่วมมือกันมากขึ้น เช่น ไทยกับเวียดนามส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน, ให้ความสำคัญในการออกแบบด้านการเดินทาง เอเชียจะเป็นศูนย์กลางการประชุมของโลก, กลุ่มเป้าหมายสูงอายุและผู้หญิงจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแผนร่วมกับคู่ค้าในประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะมาเลเซียและลาว ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมกัน อีกทั้ง มีแผนจะหามาตรการบริหารความเสี่ยง เมื่อเกิดเหตุการณ์สนามบินหลักไม่สามารถใช้การได้ เพื่อออกมาตรการที่สามารถใช้ได้ในโอกาสต่างๆ