ลุงอะแกว เหยื่อกระสุนหลักสี่ นอนอัมพาต 6 เดือนแล้ว

ลุงอะแกว เหยื่อกระสุนหลักสี่ นอนอัมพาต 6 เดือนแล้ว

ลุงอะแกว เหยื่อกระสุนหลักสี่ นอนอัมพาต 6 เดือนแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวานนี้(4 ส.ค.57) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 303/58 ชุมชนการเคหะทุ่งสองห้องกลุ่ม 303 ถ.วิภาวดี-รังสิต เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายอะแกว แซ่ลิ้ว สภาพบ้านลักษณะทาวน์โฮม 2 ชั้น พบ น.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว อายุ 42 ปี ลูกสาวนายอะแกว แซ่ลิ้ว ทราบว่านายอะแกว แซ่ลิ้วกลายเป็นผู้ป่วยอัมพาตทั้งตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากแพทย์วินิจฉัยว่าถูกยิงเข้าที่คอ กระสุนฝังในทำลายเส้นประสาทบริเวณใกล้กระดูกคอ ทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนและพูดได้ ต้องให้อาหารทางสายยาง และต้องดูดเสลดออกตลอดเวลา สร้างความทรมานแก่ผู้ป่วยเป็นอย่างมาก


จากกรณีนายอะแกว แซ่ลิ้ว อายุ 72 ปี พ่อค้าขายน้ำอัดลมรถเข็นบริเวณหน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา 2 เหยื่อกระสุนจากเหตุการณ์จลาจลปิดล้อมคูหาเลือกตั้งสำนักงานเขตหลักสี่ ของกลุ่ม กปปส. ใกล้บริเวณสี่แยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2557 หรือเหตุการณ์มือปืนป็อปคอร์น ที่เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ทำให้นายอะแกวถูกกระสุนลูกหลงซึ่งมาจากฝั่ง กปปส. เข้าที่คอ นอนจมกองเลือดนานกว่า 2 ชม. ในระหว่างเดินทางตามหาลูกสาวซึ่งทำงานในห้างสรรพสินค้าไอทีสเเควร์ กระทั่งพลเมืองดีได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลตำรวจ เข้ารักษาตัวประมาณ 1 เดือน ล่าสุดนายอะแกวกลับมาพักอยู่ที่บ้านย่านหลักสี่ในความดูแลของลูกสาว


น.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนลาออกจากงานมาดูแลพ่อเต็มเวลา เพราะพ่อเป็นอัมพาตไม่สามารถขยับไปไหนได้ ก่อนหน้านี้ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และขยับแต่ปากได้เท่านั้น ส่วนอาการยังมีเสลดติดคออยู่มาก ต้องใช้เครื่องดูดออกบ่อยๆ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้สำลักจนหายใจไม่ออกได้ ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลตำรวจได้ส่งนักกายภาพบำบัดมาดูแล 1 ครั้งต่อ 2 สัปดาห์ ซึ่งใกล้จะครบคอร์สแล้ว อยากให้มีการช่วยเหลือต่อไป เพราะที่บ้านอยู่ในชุมชนค่อนข้างแออัด หากพาพ่อสำหรับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ส่วนหนึ่งมาจากเงินบริจาคของผู้ใจบุญ อีกส่วนหนึ่งมาจากการขายสินค้าเช่นน้ำมันขวด ผงซักฟอก ซึ่งค่อนข้างขัดสน เพราะตนต้องเลี้ยงลูกและหลานถึง 3 คน


น.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว กล่าวต่อพร้อมน้ำตาคลอว่า ด้านคดีความ ตนแจ้งความฟ้องร้องเอาผิดคนร้ายไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ซึ่งตนไม่ได้โกรธ แต่อยากให้คิดถึงว่าถ้าเป็นครอบครัวตัวเองเป็นเหยื่อบ้างจะรู้สึกอย่างไร อีกคดีคือฟ้องร้องผู้กล่าวหาว่าพ่อตนเป็นพวกกองกำลังติดอาวุธชาวเขมร ซึ่งไม่ใช่ความจริง พ่อตนเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่ไม่ได้ฝักใฝ่กลุ่มก้อนทางการเมือง และไม่เคยไปชุมนุมทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น วันเกิดเหตุพ่อไปตามหาตน เพราะเป็นห่วงกลัวตนจะได้รับอุบัติเหตุเท่านั้น ทั้งนี้ตนเคยยื่นขอรับเงินเยียวยาจากภาครัฐไปแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับเงินเยียวยาแต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook