ราชทัณฑ์ออกคำสั่งรื้อใหญ่คุกคลองเปรม-เขาบิน

ราชทัณฑ์ออกคำสั่งรื้อใหญ่คุกคลองเปรม-เขาบิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
(24ม.ค.) นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ภายหลังเหตุการณ์สั่งซื้อขายยาเสพติดของนักโทษยังหลงเหลืออยู่ในเรือนจำใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่เรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี จึงจำเป็นต้องเร่งปราบปรามและจัดระบบใหม่อย่างจริงจังในเรือนจำทั้ง 2 แห่ง โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการปรับย้ายล้างบางข้าราชการในเรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำกลางเขาบิน เพื่อให้เกิดการสับเปลี่ยนหมุนเวียน ในส่วนของผู้ต้องขัง จะมีการปิดแดนคุมขังบางแดนเพื่อปรับระบบการควบคุมใหม่ และจะย้ายผู้ต้องขังบางส่วนออกจากเรือนจำ โดยผู้ต้องขังรายสำคัญจะนำตัวมาควบคุมไว้ที่แดนไฮเทค ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางเพื่อตัดวงจรการสื่อสารที่จะนำไปสู่การลักลอบสั่งซื้อขายยาเสพติด ส่วนผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่เป็นผู้ค้ารายย่อยจะย้ายระบายไปยังเรือนจำตามภูมิลำเนาของผู้ต้องขัง ทั้งนี้เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ อีกทั้งเจ้าหน้าที่จะได้ดูแลนักโทษได้ทั่วถึง เพราะในเรือนจำกลางคลองเปรมมีผู้ต้องขังกว่า 6,000 คน ส่วนส่วนจำกลางเขาบินมีผู้ต้องขังกว่า 4,000 คน ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่มีไม่ถึง 100 คน

นายนัทธี กล่าวอีกว่า สำหรับการเสริมมาตรการควบคุมด้วยความมั่นคงสูง และระบบตรวจสอบด้วยเทคโนโลยี กรมราชทัณฑ์ขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่อติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ของเยี่ยมจากญาติ และพัสดุภัณฑ์ทุกรายการที่จัดส่งเข้ามาในเรือนจำ นอกจากนี้จะเร่งติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือภายในแดนคุมขัง เพื่อตัดช่องทางการลักลอบสื่อสารกับบุคคลภายนอก ในส่วนของห้องเยี่ยมญาติจะเร่งปรับระบบให้ผู้ต้องขังพูดคุยกับญาติผ่านโทรศัพท์ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อไม่ให้มีโอกาสสั่งซื้อขายยาเสพติดผ่านห้องเยี่ยมญาติ นอกจากนี้ตนยังได้มีคำสั่งแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจของกรมราชทัณฑ์เข้าทำหน้าที่สืบสวนในทางลับเพื่อหาหลักฐานขยายผลจับกุมเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องขังในเรือนจำที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายนักค้ายาเสพติด และมีพฤติกรรมลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำ

นายนัทธี กล่าวด้วยว่า ในการปรับระบบเรือนจำกลางคลองเปรมและเรือนจำกลางเขาบิน จะไม่ผลักภาระให้ผู้บัญชาการเรือนจำรับผิดชอบฝ่ายเดียว โดยตนพร้อมด้วยรองอธิบดีและผู้อำนวยการกองแผนและนโยบาย รวมถึงผอ.กองคลัง จะเข้าไปร่วมปรับระบบเรือนจำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้บริหารเข้าไปมีส่วนร่วมแก้ปัญหาให้กับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ และหากพบว่าเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติเป็นอุปสรรคในการทำงานก็จะสั่งย้ายออกนอกพื้นที่ทันที

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์มีเรือนจำทั่วประเทศ 143 แห่ง สถานกักขัง สถานกักกัน และสถานตรวจพิสูจน์อีก 50 แห่ง มีภาระต้องควบคุมผู้ต้องขัง 190,000 คน ซึ่งในแต่ละเดือนจะมีผู้ต้องขังเข้าใหม่เพิ่มเฉลี่ย 2,000 ราย ในจำนวนดังกล่าวมีผู้ต้องขังในคดียาเสพติด และผู้ต้องขังคดีอุกฉกรรจ์ต้องจับตาเป็นพิเศษ ถูกแยกขังอยู่ในเรือนจำขนาดใหญ่ 5 แห่ง

รายการคมชัดลึกตอน-ภาษีที่ดินและมรดกเก็บได้จริงหรือ?

ทันทีที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศเดินหน้าผลักดันกฎหมายการจัดเก็บภาษีที่ดินและมรดก ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างหนักว่า พรรคประชาธิปัตย์จะทนแรงเสียดทานได้หรือไม่ ภาษีที่ดินและมรดกจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook