สสจ.กาญจน์เตือนภัยมาลาเรีย

น.พ.บุญนำ ชัยวิสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจ.กาญจนบุรี เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคมาลาเรียของจ.กาญจนบุรี ว่า จากรายงานการเฝ้าระวังโรคของสำนักงานสาธารณสุขจ.กาญจนบุรี ปี 2551 ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.2551 พบว่ามีผู้ป่วยโรคมาลาเรียจำนวน 2,172 ราย เสียชีวิต 6 ราย พบผู้ป่วยมากที่สุดที่อ.ไทรโยค 839 ราย รองลงมาอ.สังขละบุรี และอ.ทองผาภูมิ 638 และ 531 ราย ตามลำดับ ปัญหาสำคัญคือการอพยพเคลื่อนย้ายของประชากร ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทำให้การระบาดของโรคเกิดขึ้นได้รวดเร็วและกว้างขวาง

น.พ.บุญนำ กล่าวต่อว่า สำหรับการป้องกันโรคมาลาเรียไม่แนะนำให้กินยาป้องกันก่อนเข้าป่า เนื่องจากจะทำให้เข้าใจผิดว่ากินยาแล้วจะไม่ป่วยเป็นไข้มาลาเรีย และหากป่วยเป็นไข้มาลาเรียจริง จะตรวจไม่พบเชื้อ และอาจทำให้เชื้อดื้อยาได้ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปนอนแคมป์ตามป่าเขา ควรเตรียมมุ้งหรือเต็นท์ชนิดที่มีตาข่ายกันยุง นอนในมุ้ง และสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว แนะนำให้ใช้สีอ่อนๆ เพราะการใส่เสื้อผ้าสีดำ มักดึงดูดความสนใจให้ยุงกัดได้มาก รวมทั้งควรสุมไฟเพื่อไล่ยุง หรือจุดยากันยุง หรือทายากันยุงที่แขน ขา ใบหู หลังคอ และส่วนที่อยู่นอกเสื้อผ้า เพื่อป้องกันยุงกัด

ภายหลังกลับจากเที่ยวป่าแล้ว หากมีไข้ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ควรไปสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้ หรือสำนักงานมาลาเรียชุมชน ซึ่งอยู่ในเขตอ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ และอ.สังขละบุรี ที่สามารถให้บริการตรวจหาเชื้อโรคมาลาเรีย และจ่ายยารักษาโรคนี้ได้ หรือควรไปพบแพทย์ และต้องแจ้งประวัติแก่แพทย์ที่ตรวจรักษาด้วยว่ามีประวัติการเข้าป่า เพื่อให้การรักษาอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่นิยมไปนอนพักค้างแรมในพื้นที่อุทยานต่างๆ น่าจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ น.พ.บุญนำกล่าว