จงรัก รีบออกตัว คดีซานติก้าผับ ยังไม่ปิดคดี

จงรัก รีบออกตัว คดีซานติก้าผับ ยังไม่ปิดคดี

จงรัก รีบออกตัว คดีซานติก้าผับ ยังไม่ปิดคดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สั่งเด้งผอ.เขตวัฒนา-ปทุมวัน เซ่นซานติก้า ผับ ช่วยราชการสำนักปลัดมีผลพรุ่งนี้ จนกว่า กทม.จะสรุปผลสอบ ด้านคณะกรรมการขอขยายเวลาสอบเพิ่ม 15 วัน หลังข้อมูลไม่ครบนายตรวจเขตไม่ยอมเข้าให้ข้อมูล

เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ศาลาว่าการ กทม. นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. เปิดเผยภายหลังคณะทำงานชุดตรวจสอบสาเหตุเพลิงไหม้ซานติก้า ผับของกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ออกมาระบุผลสอบว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตวัฒนา อาจต้องร่วมรับผิดกับเจ้าของซานติก้า ผับ ว่า เมื่อช่วงเช้าตนได้เซ็นลงนามในคำสั่งย้ายนายวรพจน์ อินทุลักษณ์ ผอ.เขตวัฒนา และนายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผอ.เขตปทุมวันในฐานะอดีต ผอ.เขตวัฒนา มาช่วยราชการที่สำนักปลัด กทม.โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตามขณะนี้ผอ.เขตทั้ง 2 คน ยังไม่มีความผิดใดๆ ทั้งสิ้น การสั่งพักการปฏิบัติงานนั้นเป็นการรอให้ผลสอบสวนทั้งหมดของคดีนี้สิ้นสุดท่านั้น หากพบความผิดก็จะดำเนินการตามกฎระเบียบทางราชการและทางกฎหมาย แต่หากไม่พบความผิดก็สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้เหมือนเดิม

นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่มีนายชาตินัย เนาวภูต ผอ.สำนักการโยธา (สนย.) เป็นประธานนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงยุติธรรม ซึ่งคาดว่าใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว โดยผลสอบเบื้องต้นระบุว่าพบความผิดปกติในส่วนของอาคารที่เกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งคงจะต้องรอผลการตรวจสอบออกมาอีกครั้งหนึ่ง ว่ามีเจ้าหน้าที่ของ กทม.รายใดเข้าไปมีส่วนพัวพัน ซึ่งจะต้องเข้ามามีส่วนรับผิดชอบในเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ ตนได้กำชับให้คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวดำเนินการสรุปผลสอบออกมาโดยเร็วที่สุด

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ผลสอบของคณะกรรมากรที่ออกมานั้น ถือว่าเป็นการบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งในการอนุญาตก่อสร้างอาคาร การอนุญาตให้ใช้อาคารที่ผิดประเภท และการบกพร่องในการตรวจสอบหลังการอนุญาตให้ใช้อาคารด้วย อย่างไรก็ตามการสั่งให้มาช่วยราชการของ ผอ.เขต 2 คน เป็นการช่วยราชการชั่วคราว เพื่อให้การสอบสวนดำเนินการต่อไปได้อย่างโปร่งใส จนกว่าจะมีการสอบสวนแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามตนก็จะให้ความเป็นธรรมและรอบคอบในการดำเนินการให้มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 12.10 น.นายสุรเกียรติ และนายวรพจน์ เดินทางเข้าพบนางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองปลัดกทม. เพื่อหารือในเรื่องดังกล่าว โดยมีสีหน้าเป็นกังวลกับเรื่องดังกล่าว หลังจากนั้นนายสุรเกียรติ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า ตนกำลังช็อกกับคำสั่งที่เกิดขึ้น ซึ่งตนขอยังไม่ให้รายละเอียดใดๆ ในตอนนี้ เพราะต้องขอหารือกับปลัดกทม.ก่อน เนื่องจากคำสั่งย้ายดังกล่าวถือเป็นเรื่องความเป็นความตายของตนและมีผลกระทบกับตำแหน่งหน้าที่ ทั้งนี้ จะขอใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อทบทวนในสิ่งที่ได้ทำลงไปก่อน

ด้านนายชาตินัย เนาวภูต ผู้อำนวยการสำนักการโยธา ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเพลิงไหม้อาคารซานติก้า ผับ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯ ได้ขอขยายเวลาการสอบสวนออกไปอีก 15 วัน หลังจากที่ครบกำหนดเมื่อวันอังคาร ที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายละเอียดและผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ประกอบกับมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจากภายนอก กระทรวงยุติธรรม 2 คน มาร่วมตรวจสอบด้วย จึงยังไม่สามารถสรุปผลการสอบสวนได้ ทั้งนี้คณะกรรมการได้นัดประชุมกันอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 30 ม.ค. นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการสอบสวนที่ผ่านมา คณะกรรมการได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ปากคำจำนวน 15 ปาก ขาดเพียงอดีตเจ้าหน้าที่เขตวัฒนาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่เข้ามาให้ปากคำ แม้คณะกรรมการจะทำหนังสือเรียกไปถึง 2 ครั้งแล้วก็ตาม ซึ่งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวทำหน้าที่เป็นนายตรวจอาคาร แต่ได้เกษียณราชการไปเมื่อต.ค.ปี 2550 ทั้งนี้หากสุดท้ายแล้วไม่เข้ามาให้ปากคำ คณะกรรมการก็จะสรุปผลสอบเท่าที่มีหลักฐานปรากฏ โดยล่าสุดคณะกรรมการเพิ่งจะได้แบบอาคารซานติก้า ผับ มาตรวจสอบ จากที่ก่อนหน้านี้เขตอ้างว่าค้นหาไม่พบ อย่างไรก็ตาม หลังคณะกรรมการได้ตรวจสอบแบบแล้วพบว่ามีการใช้อาคารผิดประเภท เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอาคารพักอาศัยมาเป็นสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต

"จงรัก"รีบออกตัว"คดีซานติก้าผับ"ยังไม่ปิดคดี

วันที่ 28 มกราคม พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) กล่าวถึงคดีเพลิงไหม้ ร้านซานติก้าผับ ว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ปิดคดีตามที่เข้าใจกัน ยืนยันว่าคดีนี้ยังไม่จบ เพียงแต่การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตครบถ้วนแล้ว มีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 6 คน และคงไม่มีเพิ่มกว่านี้แล้ว

"แต่ในส่วนการสอบสวนด้านอื่นๆยังคงดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป โดยเฉพาะการดำเนินการตามผลสรุปของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งอาจมีความผิดฐานอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็สามารถดำเนินคดีได้ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการดัดแปลงอาคาร เกี่ยวกับการเสียภาษี ซึ่งปกติแล้วความผิดเหล่านี้ เป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เป็นผู้เสียหายโดยตรง รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมที่ตรวจสอบ และรู้ใครผิดฐานใดบ้าง หากส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการก็สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ เพราะเป็นต่างกรรม ต่างวาระกัน เจ้าของซานติก้าต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว"พล.ต.อ.จงรัก กล่าว

รองผบ.ตร. กล่าวว่า ทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องรอผลสรุปของกระทรวงยุติธรรม ขณะนี้ยังไม่สรุปสำนวน ยังต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะส่งสำนวนไปให้พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook