องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้เร่งหาทางรับมือไวรัส Mers

องค์การอนามัยโลกออกเตือนการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์กลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ดำเนินการล่าช้าเกินไป

สื่อต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลกออกมาเตือนว่า การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ Middle East Respiratory Syndrome ยังดำเนินการกันน้อยเกินไป ซึ่งเชื้อไวรัส Mers เป็นไวรัสโคโรนาก่อให้เกิดอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้คร่าชีวิตคนครั้งแรกเมื่อปี 2555 ในประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยนักวิจัยคาดว่าอูฐน่าจะเป็นต้นตอของเชื้อไวรัสที่ว่า 

ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส Mers จะมีอาการ อาทิ เป็นไข้ ไอ และหายใจถี่ การป้องกันการติดเชื้อสามารถทำได้โดยรักษาสุขลักษณะให้ดี เช่น การปิดปากด้วยกระดาษทิชชูเมื่อไอหรือจาม และล้างมืออยู่เป็นประจำ ในเดือนนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้แล้ว กว่า 50 รายที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย องค์การอนามัยโลกยังระบุด้วยว่า มาตรการจัดการควบคุมโรคดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยตั้งแต่เมื่อปี 2555 มีผู้ติดเชื้อนี้แล้วกว่า 1,026 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 376 ราย ในประเทศอังกฤษ จอร์แดน กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ตูนีเซีย อียิปต์ และสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่จะติดเชื้อหลังจากเดินทางไปประเทศซาอุดิอาระเบีย

โดย ดร.เคอิจิ ฟูกูดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก บอกว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขที่ติดเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่ได้แพร่เชื้อไปยังเพื่อนร่วมงานและผู้ป่วยรายอื่น ๆ จึงควรมีการทำความเข้าใจถึงมาตรการควบคุมโรคนี้เพื่อที่จะป้องกันการแพร่เชื้อต่อไป

ทางด้าน ดร.เบอร์เฮ เทโคลาเธ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า กำลังพยายามหาต้นตอของการติดเชื้อและแพร่กระจาย ซึ่งในชั้นต้นนักวิจัยเชื่อว่าเป็นการติดเชื้อข้ามสายพันธุ์จากสัตว์สู่คน โดยเชื่อว่าเชื้อมาจากอูฐ ส่วนการแพร่เชื้อจากคนสู่คนเกิดขึ้นได้เฉพาะที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันเท่านั้น องค์การอนามัยโลกจึงออกมาเตือนให้หลีกเลี่ยงนมหรือปัสสาวะอูฐ และเตือนให้รับประทานเนื้อที่ปรุงสุกแล้วอีกด้วย