ศุภาลัยโหนมาตรการกระตุ้น อัดแคมเปญ20ปีปั๊มยอดโต7%

ศุภาลัยโหนมาตรการกระตุ้น อัดแคมเปญ20ปีปั๊มยอดโต7%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4075

บิ๊ก ศุภาลัย ประเมินอสังหาฯ ปี52 ตลาดโดยรวมไม่น่าห่วง หลังรัฐออกมาตรการอุ้ม ทุ่มเม็ดเงินกว่า 1.5 หมื่นล้านลอนช์โปรเจ็กต์ใหม่ มั่นใจปีนี้ดันยอดขายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท เติบโต 7.5% ส่วนตัวเลขผลประกอบการปี 2551 กวาดยอดได้ 9,300 ล้านบาท เติบโต 26%

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2552 แม้จะมีอุปสรรคเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้ผู้ซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจซื้อบ้างแต่คงไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ราคาน้ำมัน และค่าก่อสร้างเริ่มปรับลดลง บวกกับมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐเข้ามาเป็นตัวช่วยทำให้บรรยากาศในตลาดโดยรวมดีขึ้น

ปี 2552 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับยอดขายปี 2551 แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 50% และบ้านจัดสรรอีก 50% โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 9 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 7 โครงการ และจังหวัดภูเก็ต 2 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ โครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ โดยได้ตั้งงบประมาณสำหรับการซื้อที่ดินไว้ 2,000 ล้านบาท งบฯโฆษณาและประชาสัมพันธ์ประมาณ 1.2% ของยอดขาย

ปีนี้เป็นปีที่ศุภาลัยจะฉลองครบรอบ 20 ปี สิ่งหนึ่งที่จะทำคือจัดแคมเปญส่งเสริมการขายผ่าน 3 กิจกรรมหลัก คือ กิจกรรมครบรอบ 20 ปี, ซีอาร์เอ็มและซีเอสอาร์

ด้านผลประกอบการในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 9,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปี 2550 ที่อยู่ที่ 7,358 ล้านบาท แยกเป็นคอนโดฯ 64% บ้านจัดสรร 36% นอกนั้นเป็นรายได้จากการเช่าสำนักงาน และอื่นๆ ประมาณ 100 ล้านบาทเศษ ไม่นับรวมยอดขายของบริษัทในกลุ่ม 500 ล้านบาท ส่วนยอดขายที่ทำสัญญาและรอโอน จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2552-2554 มี 14,212 ล้านบาท

พิจารณาผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปีศุภาลัยมีผลประกอบการที่โดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 5 บริษัท โดยสามารถรักษาอัตราค่าใช้จ่ายการขาย-การบริหารต่อรายได้รวม 9% ให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นถึง 19% อัตราผลกำไรสุทธิหลังหักภาษีต่อรายได้อยู่ที่ 20% เมื่อเทียบกับ 5 บริษัทชั้นนำ ซึ่งอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 16% และ 15% หน้า 7

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook