ประวิตรกำชับผบ.เหล่าทัพเสริมแกร่งคน-อาวุธ ตะลึง ซ้อมรบ คอบบร้ายิงจรวดพลาดถูกทหารเจ็บอื้อ

ประวิตรกำชับผบ.เหล่าทัพเสริมแกร่งคน-อาวุธ ตะลึง ซ้อมรบ คอบบร้ายิงจรวดพลาดถูกทหารเจ็บอื้อ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รมว.กลาโหม หารือผบ.เหล่าทัพเพิ่มประสิทธิภาพกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ผบ.ศบบ. แจงยังไม่ทราบรายละเอียดเหตุไม่คาดฝันเครื่องบินคอบบร้าได้ยิงจรวดพลาดเป้าตกใส่นายทหารและกำลังพลที่ฝึกซ้อม บาดเจ็บหลายราย ต่อหน้าต่อตา ผบ.ทบ. ด้าน รมว.กห.ระบุเคยเกิดมาครั้งหนึ่งแล้ว ประวิตรกำชับผบ.เหล่าทัพ เพิ่มประสิทธิภาพ คน-อาวุธ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม เดินทางตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงษ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ รอต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ได้คุยเรื่องประสิทธิภาพของกำลังพลและขีดความสามารถของอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ต้องพัฒนา ซึ่งเหล่าทัพก็ดำเนินการอยู่ แต่มาพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความแน่นเฟ้น

ส่วนกรณีอุบัติเหตุการซ้อมรบ ยิงจรวดพลาดเป้า จนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 19 นาย ที่ จ. ลพบุรีนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกเหล่าทัพดูกันอยู่ เรามีขั้นตอนการดำเนินการ แต่อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้หลายกรณี ทั้งจากคนและอุปกรณ์ แต่เราต้องเพิ่มประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์และคน ดังนั้น การซ้อมรบการฝึกไม่น่ามีปัญหา เหล่าทัพมีกฏระเบียบจัดการที่แน่นอนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า อุบัติเหตุเกิดจากดินระเบิดเสื่อมสภาพใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องตรวจสอบก่อน เพราะสามารถเกิดขึ้นได้หลายอย่าง ส่วนจะเก็บยุทโธปกรณ์เอาไว้ก่อนหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่แต่ละเหล่าทัพมีขั้นตอนตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งก็ทำกันเป็นประจำ

ผบ.ศบบ.ยังไม่รู้ชัดกรณียิงจรวดพลาดเป้าโดนทหารเจ็บ พล.ต.พิทยา กระจ่างวงษ์ ผู้บัญชาการศูนย์การบินทหารบก กล่าววันนี้ (29 ม.ค.) ในรายการเก็บตกจากเนชั่น กรณีอุบัติเหตุระหว่างการซ้อมรบที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ โดยจรวดซึ่งถูกยิงจากเฮลิคอปเตอร์คอบบร้า เพื่อกดดันข้าศึกที่ภาคพื้นดินเกิดผิดวิถีกระสุน พลาดเป้าไปทำให้มีทหารได้รับบาดเจ็บ 19 นาย ว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเข้าเวรรักษาการณ์อยู่ที่วังสุโขทัย

ทั้งนี้ จรวดมีสองส่วน คือส่วนหัวรบที่เมื่อกระทบที่หมายก็จะระเบิด และส่วนดินขับที่ทำให้จรวดเคลื่อนที่ได้ ซึ่งเมื่อเกิดความชื้นก็อาจทำให้ไม่เป็นไปตามทิศทาง โดยการยิงจะเป็นทีละนัดหรือหลายนัดพร้อมกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน ที่บอกว่ากระสุนเก่าจนทำให้เกิดความผิดพลาดนั้น ความจริงแล้วกรมสรรพาวุธมีขั้นตอนการตรวจสอบอยู่ สำหรับจรวดชนิดนี้มีขั้นตอนอย่างไรนั้น ตนเองยังไม่ได้รับรายงานการตรวจสอบที่ชัดเจน

ซ้อมรบพลาดจรวจพุ่งใส่ทหารเจ็บ19ต่อหน้าผบ.ทบ.

เกิดเหตุการณ์ทหารหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษซ้อมรบยิงจรวดผิดพลาดตกใส่กลุ่มทหารที่กำลังฝึกได้รับบาดเจ็บเกิดขึ้น เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 มกราคม ที่สนามฝึกทางยุทธวิธีของทหารรบพิเศษ บ้านท่าเดื่อ ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี ระหว่าง พล.อ.อนุพงษ์ ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มาเป็นประธานและร่วมชมการฝึกสาธิตทดสอบขีดความสามารถทางยุทธวิธีของทหารรบพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) พร้อมด้วยคณะนายทหารระดับสูงกองทัพบก อาทิ พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยประดับ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก โดยมี พล.ท.ภุชงค์ รัตนสุวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ต้อนรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า การฝึกซ้อมทดสอบขีดความสามารถของทหารหน่วยรบพิเศษครั้งนี้ มีกำลังพลจากกองพลรบพิเศษที่ 1 กรมรบพิเศษที่ 1, 2, 3 กองพันจู่โจม และศูนย์การบินทหารบก เข้าร่วมฝึกประมาณ 500 นาย หลังการฝึกผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อมีการสมมุติเหตุการณ์กำลังทหารจำนวน 79 นาย จะเข้าโจมตีเป้าหมายทางภาคพื้นดิน โดยขอรับการสนับสนุนจากเครื่องบินคอบร้า (เฮลิคอปเตอร์แบบ 1 ของศูนย์การบินทหารบก) มาช่วยโจมตีทางอากาศด้วย เมื่อเครื่องบินคอบร้าได้ยิงจรวดชนิด 2.75 มิลลิเมตร ใส่เป้าหมายเพื่อทำลายฐานราบของข้าศึก (บังเกอร์) แต่หลังจากเครื่องบินยิงจรวดออกมาแล้ว ปรากฏว่าจรวดเกิดตกผิดที่ แทนที่จะพุ่งใส่เป้าหมาย กลับตกใส่กำลังทหารที่จะเข้าโจมตีเป้าหมายทางภาคพื้นดิน เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ทหารถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บนอนร้องครวญครางหลายสิบนาย

ต่อมาทางกองอำนวยการฝึกได้รับแจ้งทางวิทยุ จึงส่งรถพยาบาล 3 คัน เข้าไปรับทหารบาดเจ็บที่ถูกสะเก็ดระเบิดลำเลียงส่งโรงพยาบาลอานันทมหิดล จ.ลพบุรี ให้แพทย์รักษา เบื้องต้นไม่พบผู้เสียชีวิต ขณะที่ พล.ต.พรเลิศ จำเรียง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลต้องระดมแพทย์และพยาบาลกว่า 30 นาย มาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และมีทหารจำนวน 2 นายถูกนำเข้าห้องผ่าตัดทันที เพราะถูกสะเก็ดระเบิดที่ท้องและขา ส่วนการฝึกยังดำเนินต่อไป เนื่องจากการฝึกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ด้วยกัน จนกระทั่งถึงเวลา 12.00 น.จึงเสร็จสิ้นภารกิจในการฝึกช่วงแรก

สำหรับทหารที่ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บและถูกส่งตัวมารักษามีด้วยกันทั้งหมด 19 นาย เป็นนายทหาร 1 นาย และมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 5 นาย ประกอบด้วย ร.อ.สุรชาติ เทพอำนวย ผบ.ร้อยกองพันจู่โจม ส.อ.มนตรี ถิตะปุระ ส.อ.สุนทร จันทร์งาม พลทหารอนงค์ จันยานน พลทหารปราโมทย์ หาเวียนศิริ ส่วนบาดเจ็บไม่สาหัสมี ส.อ.ชาญชัย บุตรลา ส.อ.สมยศ พลอยงาม ส.อ.กนก ศศิธร ส.อ.ภาสกร แสงสิงห์ ส.อ.สันติภาพ สุวรรณรังษี ส.อ.ศราวุธ วิวัฒนาการ ส.อ.วีระพจน์ ชอบแก้ว พลทหารต้อย วรวรรณ พลทหารอาทิตย์ เรือนเพชร และพลทหารสิทธิพร สถานพงษ์ ทั้งหมดเป็นทหารกองพันจู่โจม หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ

รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่เครื่องบินยิงจรวดผิดเป้าหมายทำให้มีกำลังทหารที่กำลังฝึกภาคพื้นดินได้รับเจ็บจำนวนมากครั้งนี้ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากการสื่อสารกันระหว่างภาคพื้นดินกับเครื่องบินเกิดความผิดพลาด หรือไม่ก็อาจจะมาจากการที่หลังจากเครื่องบินยิงจรวดออกไปแล้ว 4 ลูก และจรวด 2 ลูกเกิดปัญหาผิดพลาด ซึ่งอาจเป็นของเก่าที่เก็บไว้นานเกินไป ทำให้พุ่งไม่ถึงเป้าหมาย และตกใส่กำลังทหารที่กำลังฝึกภาคพื้นดินได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดอุบัติเหตุ พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ.ธีระวัฒน์ และ พล.อ.ประยุทธ มีสีหน้าเคร่งเครียด และนำคณะนายทหารเดินทางไปเยี่ยมอาการทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด ก่อนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯทันที ทั้งนี้ เมื่อคณะของ พล.อ.อนุพงษ์ ถึงกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2.รอ) ในเวลา 14.00 น. หลีกเลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่รอสัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากนั้นเวลา 15.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่สถานีโทรทัศน์วิทยุกองทัพบก (ททบ.5) ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเรื่องของกระสุนที่เกิดการช็อร์ต หรือข้อขัดข้องทางอิเล็ทรอนิกส์ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้ง ส่วนในรายละเอียดยังไม่ทราบ แต่ทางทหารคิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก เพราะมีการทดสอบแล้วทุกคนปลอดภัย ได้ให้ ผบ.ทบ.ตรวจสอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

กองทัพมีการดูแลอาวุธยุทโธปกรณ์ และในการส่งกำลังบำรุงมีขั้นตอนอยู่ และคงต้องมีการพัฒนาอะไรที่เก่าต้องปล่อยไปตามอายุการใช้งาน คงต้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ อาวุธที่นำมาใช้ทดสอบซ้อมยิงครั้งนี้ไม่ใช่อาวุธเก่าสามารถใช้ประจำการอยู่ได้ ซึ่งกองทัพจะมีการดูแลสวัสดิการกำลังพล และผู้บัญชาการทหารบกมีความห่วงใยเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าว

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ต้องตรวจสอบสาเหตอุบัติเหตุครั้งนี้ก่อนว่าเกิดจากอะไร เบื้องต้นน่าจะเกิดการเครื่องยิงจรวดที่ติดกับเฮลิคอปเตอร์แบบคอบร้า แต่คงต้องมีการตรวจสอบทั้งจากนักบินและยุทโธปกรณ์ที่ทำการฝึก ทั้งนี้ อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการยิงจรวดพลาดเป้า ซึ่งตามแผนการซ้อมกำลังรบพิเศษจะนัดรวมพลเพื่อเข้าตีที่หมาย ตามภารกิจของกองร้อยจู่โจม ซึ่งก่อนเข้าตีต้องมีการยิงสนับสนุนทางอากาศโดยเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แบบคอบร้ายิงจรวดขนาด 2.75 มิลลิเมตร เข้าใส่ที่หมาย แต่จรวดกลับพลาดเป้ามาตกในที่รวมพลของทหารกองร้อยจู่โจมที่เตรียมพร้อมเข้าตีตามภารกิจ เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 19 นาย สาหัส 5 นาย เป็นนายทหาร 1 นาย นายสิบ 12 นาย พลทหารอาสา 6 นาย แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต หลังเกิดเหตุ พล.อ.อนุพงษ์ให้ดูแลกำลังพลให้ดีที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook