เปิดหลักฐาน มัด กกต.หมกเม็ดแจกใบแดง-ดองคดีเลือกตั้ง อุ้มบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ?

เปิดหลักฐาน มัด กกต.หมกเม็ดแจกใบแดง-ดองคดีเลือกตั้ง อุ้มบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและ ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย นอกจากโดนมรสุมกรณีการแจกเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ซึ่งเป็นงบประมาณของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ให้แก่ชาวบ้านรายละ 500 บาทพร้อมนามบัตรของตัวเองเล่นงานอย่างหนักแล้ว

นายบุญจงยังมีคดีความอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อีกหนึ่งคดี แต่ไม่เป็นที่รับรู้ของสาธารณะ เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่า มีความพยายามในการหมกเม็ดและดองคดีเพื่อช่วยนายบุญจงให้อยู่ในตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรีนานที่สุด

เรื่องดังกล่าวเป็นผลพวงมาจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 เขตเลือกตั้งที่ 6 จังหวัดนครราชสีมาซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างนายพลพีร์ สุวรรณฉวี ผู้สมัครหมายเลข 3 พรรคเพื่อแผ่นดินกับนายบุญจง ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นายพลพีร์ ชนะการเลือกตั้ง ขณะที่นายบุญจงแพ้

อย่างไรก็ตามมีการร้องเรียนการไปมาระหว่าง 2 ฝ่าย จน กกต.ให้มีการลงคะแนนใหม่(ให้ใบเหลืองนายพลพีร์)ในวันที่ 20 มกราคม 2550 ผลปรากฏว่า นายบุญจงชนะเลือกตั้งและมีการประกาศผลเมื่อวันที่ 21 มกราคม จนนายบุญจงได้เป็น ส.ส.มาจนทุกวันนี้

แต่นายบุญจงยังไม่พ้นบ่วงกรรรม ซึ่งเผ็นผลพวงจากการที่นายพลพีร์ร้องเรียนนายบุญจงต่อ กกต.ไว้ในการลงคะแนนครั้งแรกนั้น ไมีการแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวน จน กระทั่งกกต.มีมติเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551ในการประชุมครํ้งที่ 48/2551ว่า นายบุญจงมีพฤติการณ์หลอกลวง ใส่ร้ายด้วยความเท็จจริงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองเพื่อจูงใจฯเป้นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 53(5) ให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายบุญจง

ปรากฏว่า นับแต่วันที่ 3 เมษายน 2551 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 10 เดือน กกต.ยังมิได้ดำเนินการใดๆแก่นายบุญจงตามที่ กกต.มีมติแต่อย่างใด แม้ตแคำวินิจฉัยสำหรับการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนก็ยังยกร่างไม่เสร็จ

ข้ออ้างข้างๆคูของเจ้าหน้าที่ กกต.คือ มีสำนวนอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ถ้าพิจารณาจากการใช้และการตีความมายของ กกต.แล้วยิ่งทำให้เห็นพฤติการณ์ ของกกต.ชัดเจนขึ้นว่า ต้องการช่วยเหลือและอุ้มนายบุญจงจริงหรือไม่

เพราะ การที่ กกต.มีมติว่า นายบุญจงกระทำฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ หลังจากที่ประกาศผลเลือกตั้งแล้ว กกต.ต้องยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายบุญจงเป็นเวลา 5 ปี(พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ มาตรา 111)

มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมในคดีทำนองเดียวกันว่า กกต.มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ให้ใบแดง)ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่แพ้การเลือกตั้งหลายคดี เช่น

หนึ่ง การประชุม กกต.ครั้งที่ 134/2551 เมื่อวันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2551 มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง) นายวิทวัส พันธ์นิกุล ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์(ไม่ได้รับเลือกตั้ง) ตามมาตรา 236(5)และ (6)แห่งรัฐธรรมนูญฯและ มาตรา 10(10)และ(12)แพาง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 และมาตรา 111 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯมาตรา 111(เอกสารแถลงข่าวสำนักงาน กกต.เลขที่ 210_2551)

สอง การประชุม กกต.ครั้งที่ 95/51 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง)นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ผู้สม้คร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อแผ่นดินซึ่งไม่ได้รับเลือกตั้ง

สาม การประชุม กกต.ครั้งที่ 84/2551 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2551 มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง)นายกิตติพงศ์ พรหมชัยนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 8 เขต 3 จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อแผ่นดินซึ่งม่ได้รับเลือกตั้ง

สี่ การประชุม กกต.ครั้งที่ 106/2551 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2551 มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง)ผู้สมัคร ส.ว.สุโขทัยซึ่งไม่ได้รับเลือกตั้ง

แต่ในกรณีนายบุญจง กกต.กลับไม่ยอมให้ใบแดงและส่งคำร้องให้แก่ศาลฎีกาเหมือนกับหลายคดีข้างต้น กลับมีมติเพียงว่าให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายบุญจงเท่านั้น และยังดองคดีอยู่นานเกือบ 1 ปี

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว กกต.ต้องมีคำตอบต่อสาธารณะอย่างชัดเจน มิเช่นนั้นแล้ว อาจมีชะตากรรมหรือดำเนินรอยตาม พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต.กับพวก

-----------------------------

พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550

มาตรา 111 เมื่อประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้าปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ใดหรือผู้สมัครผู้ใดกระทำการใด ๆ โดยไม่สุจริตเพื่อที่จะให้ตนเองได้รับเลือกตั้ง หรือได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริตโดยผลของการที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดได้กระทำ ทั้งนี้ อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณา ในกรณีที่ปรากฏจากการไต่สวนของศาลฎีกาว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ากรณีเป็นไปตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ศาลฎีกาสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้สมัครผู้นั้นมีกำหนดเวลาห้าปี แล้วแจ้งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายกรัฐมนตรีทราบ

ในกรณีที่ศาลฎีกาได้รับคำร้องตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นหยุดการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งยกคำร้อง และถ้าศาลฎีกามีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นสิ้นสุดลง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook