"พุทธะอิสระ"แจงดราม่า"พระกราบแม่" ลั่น ถ้ากราบไม่ได้ เอาไปตัดหัวยังง่ายกว่า

"พุทธะอิสระ"แจงดราม่า"พระกราบแม่" ลั่น ถ้ากราบไม่ได้ เอาไปตัดหัวยังง่ายกว่า

"พุทธะอิสระ"แจงดราม่า"พระกราบแม่" ลั่น ถ้ากราบไม่ได้ เอาไปตัดหัวยังง่ายกว่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพ "พระสงฆ์กราบฆราวาสผู้หญิง" โดยมีการบรรยายภาพว่าเป็นภาพพระสงฆ์กราบ "แม่" ของตัวเองเนื่องในวันแม่ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าพระสงฆ์สามารถกราบแม่ได้หรือไม่

พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้โพสต์ถึงประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ระบุว่า

เรื่องพระกราบแม่กลายเป็นดราม่าของสังคมไทย นับว่าเป็นสิ่งดี อย่างน้อยก็เป็นการกระตุ้นกระบวนการตื่นรู้ตามวิถีแห่งพุทธบริษัทที่ดี การวิพากษ์วิจารณ์ต่อเหตุการณ์ของสังคมบ้านเมืองเช่นนี้ มิใช่พึ่งเคยมี มิใช่เป็นของใหม่

แม้ในอดีตสมัยครั้งพุทธกาลก็เคยมีมาแล้ว

ดังตัวอย่าง เช่น ภิกษุบิณฑบาตแล้วนำอาหารมาเลี้ยงดูพ่อแม่ ก็กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั้งหมู่สงฆ์และหมู่ฆราวาส แล้วมีผู้นำเรื่องนี้ไปสอบถามองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์จึงทรงชี้ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมถูกต้องอันบุตรที่ดีพึงสมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง

ครั้งกระนี้ก็เช่นกันแม้ปัญหาจะดูเหมือนเดิมหรือดูแล้วมิได้แตกต่างจากเหตุการณ์เดิมๆมากนักแต่กลับกลายเป็นที่โจษจันกันทั่วทั้งสังคม ซึ่งผู้โจษจันวิพากษ์วิจารณ์มีทั้งเจตนาดี วิพากษ์วิจารณ์เพราะอยากรู้ กับเจตนาร้ายวิพากษ์เพราะต้องการตำหนิติโทษ ถึงกระนั้นก็ทำให้ผู้ใฝ่รู้ ผู้สนใจ ขวนขวายที่จะค้นหาคำตอบว่าจริงๆ แล้ว พระกราบพ่อแม่ได้หรือไม่

หากมีผู้ถามฉัน ฉันก็จะตอบแบบไม่เสียเวลาคิดว่า "พระกราบพ่อแม่ไม่ได้"

หากมีผู้วิพากษ์ว่า "อ่าว แล้วมันจะยังไงกันล่ะ ก็เห็นท่าน เห็นคุณพากันกราบพ่อแม่กันเป็นแถว ทั้งที่โกนหัวห่มเหลือง เช่นนี้จะไม่ผิดหรือ"

ฉันก็จะตอบว่า "ไม่ผิด"

ผู้วิพากษ์ "เออ เอ่อ เอ้อ เอ๊อ เอ๋อ งงแล้วนะครับพี่"

ไม่ต้องงงจ๊ะน้อง คำอธิบายก็คือ ผู้ที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาจะด้วยศรัทธาหรือไม่ศรัทธา หรือบวชเพื่อประกอบอาชีพ

หากผู้บวชด้วยศรัทธา ก่อนบวชหรือหลังบวชได้บรรลุธรรม เป็นพระอริยบุคคลทั้ง ๔ คู่ ๘ พวก คือ
พระโสดาปฏิมรรค หรือ พระโสดาปฏิผล
พระสกทาคามิมรรค หรือ พระสกทาคามิผล
พระอนาคามีมรรค หรือ พระอนาคามีผล
พระอรหัตมรรค หรือ พระอรหัตผล
พระเหล่านี้ไหว้พ่อแม่ไม่ได้ ไหว้แล้วพ่อแม่จะเป็นบาป เว้นเสียแต่ว่าพ่อและแม่จะเป็นพระอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งที่มีคุณธรรมเทียบเท่ากับตนหรือสูงกว่า เช่นนี้พระรูปนั้นพึงไหว้ได้

การที่พระอริยบุคคลไหว้พ่อแม่ที่เป็นพระอริยบุคคลที่มีศักดิ์เสมอกัน ด้วยเพราะไหว้คุณธรรมที่ได้ให้ชีวิตเลี้ยงดูมา
แต่ถ้าผู้ที่บวชเข้ามา บวชด้วยศรัทธาและยังไม่ได้บรรลุธรรมใดๆ ทำได้แค่เพียรพยายาม ทำความเพียรทางจิต รักษาศีลให้ตั้งมั่นบริสุทธิ์ ก็กราบไปเถิด

ด้วยเพราะพ่อแม่มีคุณธรรมมากกว่า พระพุทธเจ้าทรงเทียบชั้นเอาไว้ว่า พ่อแม่เป็นดังพระพรหมของบุตร หรือเป็นดั่งพระอรหันต์ของลูก (ในพระสูตรไม่พบที่เปรียบพ่อแม่เป็นดังพระอรหันต์)

อีกทั้งยังมีที่มาในหลายพระสูตร ว่าผู้ที่รักษาศีลบริสุทธิ์และไม่มีคุณธรรมอื่นใด ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาเท่านั้น ทีนี้ลองมาดูพวกที่บวชเป็นอาชีพ ทำอาชีพเลี้ยงชีวิตด้วยการบวช ไม่ค่อยจะมีคุณธรรมใดๆ เรื่องศีลนี่ยิ่งไม่ต้องถามไถ่ จะหลงเหลือซักกี่ข้ออันนี้ก็ไม่ค่อยจะแน่ใจ

แต่ที่แน่ๆ ก็คือมีสถานะแค่ลูกชาวบ้าน โกนหัวห่มเหลืองเท่านั้น เช่นนี้ก็คิดเอากันเองแล้วกันว่าควรจะกราบพ่อแม่ได้หรือไม่ อีกทั้งผู้ที่บวชเข้ามา หากยังไม่บรรลุธรรมใดๆ ก็มีราคาแค่สมมุติสงฆ์เท่านั้น ไม่ใช่สงฆ์ตัวจริง

นอกจากนี้ เราต้องเข้าใจถึงสถานภาพลำดับชั้นของผู้ที่บวชเข้ามาในพระธรรมวินัยนี้ก่อนว่า นอกจากพระผู้มีพระภาคเจ้าจักทรงจัดลำดับชั้นของบุคคลตามคุณธรรมแล้ว ยังไม่เคยเรียกขานผู้ที่บวชเข้ามาแล้วไม่บรรลุธรรมใดๆ เลยว่าเป็นพระ

มีแต่ทรงเรียก ภิกษุ นักบวช สมณะ และพระ ตามแต่ชั้นของคุณธรรม

ทีนี้เราก็มาดูกันว่า คำว่า "ภิกษุ" เขาแปลว่า ผู้เห็นภัยในวัฏฏะหรือผู้ขอ

"นักบวช" แปลว่า ผู้ละวางปล่อยเว้นความชั่วทางกาย วาจา และใจ
"สมณะ" แปลว่า ผู้สงบกาย สงบวาจา และสงบใจ
"พระ" แปลว่า ผู้ประเสริฐดีเลิศและงามพร้อม
"พระอริยเจ้า" แปลว่า ผู้ประเสริฐยิ่งกว่า

ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่าพระธรรมวินัยนี้ ท่านจัดคุณลักษณะของบุคคลด้วยคุณศีล คุณธรรม มิใช่สถานภาพ อายุขัย หรือคำยกย่อง

ตอนนี้ คงต้องหันไปถามพวกที่ค้านการกราบไหว้พ่อแม่ว่า มีคุณลักษณะ คุณศีล คุณธรรม อยู่ในระดับใด
หรือแค่มีสถานภาพ คำยกย่อง และยี่ห้อเท่านั้น

สำหรับฉันนั้น พวกคุณทั้งหลายก็ไม่ต้องมาสนใจมากนักหรอก เพราะฉันเคยบอกมานานเนกาเลแล้วว่า ฉันไม่ใช่พระ อย่างดีก็เป็นได้แค่ ภิกษุ นักบวช หรือสมณะเท่านั้น ในหัวสมองฉันไม่เคยคิดที่จะเทียบชั้นกับคำว่าพระเลย ซ้ำยังได้เคยตำหนิแก่พวกนักข่าวบ่อยๆ ว่า อย่าไปเขียนข่าวว่าพระชั่ว ควรเขียนว่าภิกษุชั่ว หรือนักบวชชั่ว ส่วนสมณะหรือพระนั้น ชั่วไม่ได้แล้วโดยคุณนาม

สำหรับฉันนั้น โคตรเหง้าบรรพบุรุษได้สั่งสอนอบรมมาแต่เล็กแต่น้อย ว่าต้องกราบไหว้พ่อแม่ทุกวันคืน หากจะให้เลิกกราบ เลิกไหว้ ก็เอาตัวฉันไปตัดหัวเสียจะง่ายกว่า

หากการกราบไหว้พ่อแม่ของฉันไปทำให้ใครๆ เดือดร้อนก็ต้องขออภัยด้วย ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าสีลัพพตปรามาส คือการอวดดื้อถือดีในศีลพรตของตนเองกันหน่อยนะจ๊ะ อ้อ แล้วอย่าบอกอีกนะว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอน สำหรับฉันแล้วอย่าว่าแต่พ่อแม่เลย ใครก็ได้ที่มีคุณธรรมสูงส่งยิ่งกว่าฉัน ฉันก็กราบก็ไหว้ได้ทั้งนั้น ดีกว่าอยู่เปล่าๆ

ด้วยเพราะฉันเชื่อว่า "ปูชา จะ ปูชะนียานัง" การบูชาบุคคลที่ควรบูชา "เอตัมมังคะละมุตตะมัง" ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด เหล่านี้แหละ "คือเหตุที่ฉันยังไม่ได้เป็นพระ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook