คาดจีดีพีไตรมาสแรกติดลบ2%
สำหรับภาวะเศรษฐกิจในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น การผลิต การท่องเที่ยว ราคาพืชผลเกษตร การลงทุน และการส่งออกปรับตัวลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่หดตัว ประกอบกับปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการปิดสนามบินในช่วงปลายเดือนพ.ย.ถึงต้นเดือนธ.ค.ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนทรุดตัวลงส่งผลให้จีดีพีในไตรมาส 4 ของปี 51 อาจจะติดลบ 0 ถึงติดลบ 2% เนื่องจากวิกฤติการเงินโลกส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคเศรษฐกิจจริงของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงมากสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 18.8% ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชนลดลง 2% ยกเว้นดัชนีการอุปโภค-บริโภคเอกชนที่ขยายตัว 0.9% เนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าไม่คงทน เช่น อาหาร ยาและเวชภัณฑ์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของการจ้างงานพบว่า ชะลอตัวลงมาก
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์สามารถที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงได้อีก ตามทิศทางดอกเบี้ยขาลง เพราะถ้าไม่ปรับลดดอกเบี้ย จะไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยที่ผ่านมายอมรับว่าหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.75% ธนาคารพาณิชย์มีการปรับลดเงินกู้น้อยกว่าเงินฝาก เพราะไม่ต้องการให้มีผลกระทบเกิดขึ้นทันที เนื่องจากแต่ละธนาคารมีต้นทุนบริหารงานด้านเงินฝากที่ต่างกัน แต่เชื่อว่าเมื่อต้นทุนเงินฝากครบกำหนดเวลาดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลงอีก.