คาดจีดีพีไตรมาสแรกติดลบ2%

คาดจีดีพีไตรมาสแรกติดลบ2%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การขยายตัวเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ปี 52 นี้ มีโอกาสติดลบมากกว่า 2% ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 51 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาส่งออกมีมูลค่า 11,515 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ลดลง 15.7% แต่คาดหวังว่าหากรัฐมีการเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามแผนที่วางไว้ 94% การใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้จ่ายของประชาชนและการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคจะทำให้จีดีพีไม่ติดลบมากนัก โดยเชื่อว่าทั้งปีเศรษฐกิจยังมีอัตราการขยายตัว 0-2% ยกเว้นว่ามีปัจจัยอื่นมากระทบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกไม่รู้ว่าจะถึงจุดตุ่ดเมื่อใด

สำหรับภาวะเศรษฐกิจในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น การผลิต การท่องเที่ยว ราคาพืชผลเกษตร การลงทุน และการส่งออกปรับตัวลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่หดตัว ประกอบกับปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการปิดสนามบินในช่วงปลายเดือนพ.ย.ถึงต้นเดือนธ.ค.ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนทรุดตัวลงส่งผลให้จีดีพีในไตรมาส 4 ของปี 51 อาจจะติดลบ 0 ถึงติดลบ 2% เนื่องจากวิกฤติการเงินโลกส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคเศรษฐกิจจริงของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงมากสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 18.8% ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชนลดลง 2% ยกเว้นดัชนีการอุปโภค-บริโภคเอกชนที่ขยายตัว 0.9% เนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าไม่คงทน เช่น อาหาร ยาและเวชภัณฑ์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของการจ้างงานพบว่า ชะลอตัวลงมาก

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์สามารถที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงได้อีก ตามทิศทางดอกเบี้ยขาลง เพราะถ้าไม่ปรับลดดอกเบี้ย จะไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยที่ผ่านมายอมรับว่าหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.75% ธนาคารพาณิชย์มีการปรับลดเงินกู้น้อยกว่าเงินฝาก เพราะไม่ต้องการให้มีผลกระทบเกิดขึ้นทันที เนื่องจากแต่ละธนาคารมีต้นทุนบริหารงานด้านเงินฝากที่ต่างกัน แต่เชื่อว่าเมื่อต้นทุนเงินฝากครบกำหนดเวลาดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลงอีก.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook