ตร.ยังไม่ตั้งข้อหาเสื้อแดง แจงชุมนุมสงบ นายกฯ เมิน3ข้อเรียกร้อง บอกเหมือนเดิม สุเทพ ชมจนท.อดทน

ตร.ยังไม่ตั้งข้อหาเสื้อแดง แจงชุมนุมสงบ นายกฯ เมิน3ข้อเรียกร้อง บอกเหมือนเดิม สุเทพ ชมจนท.อดทน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ตร.ชี้เสื้อแดงชุมนุมสงบไร้อาวุธ ยังไม่ตั้งข้อหา นายกฯ เมินข้อเรียกร้อง เทพเทือกขอบคุณชุมนุมสงบ ชมจนท.อดทน หลังเสื้อแดงแน่น 3 หมื่นลุยรั้วกันประตูชั้นแรกทำเนียบผ่านด่านสกัดตำรวจสำเร็จ ขอปิดประกาศก่อนแยกย้าย ตร.ชี้เสื้อแดงชุมนุมสงบไร้อาวุธ ยังไม่ตั้งข้อหา

พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ภายหลังประชุมร่วมกับทหาร เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมประเมินสถานการณ์และสรุปเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า ในเบื้องต้นยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาใดแก่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากการชุมนุมเป็นไปโดยปราศจากอาวุธ และอยู่ในขอบเขตที่สามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจากการสำรวจยังไม่พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ หรือมีทรัพย์สินราชการเสียหาย แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คงต้องประเมินข้อมูลจากกล้องวงจรปิดก่อนและจะพิจารณาว่าต้องมีการฟ้องร้องภายหลังหรือไม่

นายกฯ เมินเสื้อแดง บอกข้อเรียกร้องเดิมๆ

เว็บไซต์ข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการ 3 ข้อ ว่า เป็นข้อเรียกร้องเดิม ๆ ที่มีการดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว เช่นเดียวกับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ก็สามารถเสนอตามกระบวนการได้

สำหรับการเสนอให้ปรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องทางการเมืองที่สามารถมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

ผบช.น.เรียกประชุมสรุปสถานการณ์เสื้อแดงชุมนุม พล.ต.ต อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าววันนี้ (1 ก.พ.) ถึงความคืบหน้า กรณีการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงสลายการชุมนุมไปเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ที่ผ่านมา ได้สั่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งดูแลรักษาความปลอดภัยการชุมนุมกลับเข้าที่ตั้งตามปกติ ไม่มีการจัดกำลังดูแลจุดใดเป็นพิเศษ เนื่องจากการชุมนุมสลายและยุติลงด้วยดีโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เรียกประชุมตำรวจร่วมกับ ทหาร เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชุมประเมินสถานการณ์และสรุปเหตุการณ์ทั้งหมด ส่วนบรรยากาศบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาลขณะนี้เป็นไปด้วยความสงบ ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุม หรือกลุ่มก่อกวนใดๆ ทั้งสิ้น สถานการณ์ทุกอย่างเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยเป็นปกติแล้ว

เทพเทือกเมินข้อเรียกร้องเสื้อแดง ขอบคุณชุมนุมสงบ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าววันนี้ (1 ก.พ.) ยืนยันว่า รัฐบาลไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้อง ทั้งในประเด็นเรื่องการปลด นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ การยุบสภา หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ เนื่องจากนายกษิตและรัฐบาลไม่ได้มีความผิด

ทั้งนี้ ส่วนข้อเรียกร้องที่ให้มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 50 และให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเป็นไปได้ยาก เพราะตามขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มิได้อยู่ในอำนาจของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งต้องมีกระบวนการทำประชามติ ซึ่งอาศัยระยะเวลา สำหรับประเด็นที่เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ถือเป็นอำนาจของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่

นายสุเทพ ยังได้ขอขอบคุณกลุ่มคนเสื้อแดงที่การเคลื่อนไหววานนี้ (31 ม.ค.) ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยกล่าวชมเชยเจ้าหน้าที่ ที่ใช้ความอดทนและไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน ตามที่ทางฝ่ายรัฐบาลสั่งการไว้ แต่ในส่วนคนกลุ่มน้อยที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่นั้น คงต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย

เสื้อแดงลุยรั้วกันประตูชั้นแรกทำเนียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ เวลา 00.00น .ผู้ชุมนุมเสื้อแดงระดมกำลังผลักดันแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจพังแผงกั้นรั้วชั้นแรกบุกเข้าไปบริเวณถนนด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลแล้ว ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงได้ประกาศว่าจะไม่มีการบุกเข้าไปภายในเพียงแต่จะประกาศเจตนารมย์แล้วจะเดินทางกลับไม่มีการชุมนุมยืดเยื้อต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงกำลังอ่านแถลงการณ์หน้าประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะสลายตัวใน เวลา 00.30 น. พร้อมกับประกาศว่าหากรัฐบาลไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน จะกลับมาชุมนุมใหม่

เสื้อแดงผ่านแนวกั้นสุดท้ายสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ เวลา 23.10 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวบนเวทีปราศรัยในรถบรรทุกว่า ได้ส่งนายจตุพร เข้าไปเจรจาซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ผู้ชุมนุมนั่งลงก่อนจะมีการเจรจากันหากทำไม่สำเร็จนายณัฐวุฒิประกาศว่าจะใช้รถบรรทุก 6 ล้อ วิ่งฝ่าด่านตำรวจเข้าไป

จากนั้นนายจตุพร กล่าวหลังการเจรจาว่า การเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยดี แต่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับคำสั่งไม่ให้เปิดเส้นทางสะพานมัฆวานรังสรรค์ จะใช้รถบรรทุกคันนี้แล้วฝ่ารถทุกคันแล้วจะไปทำเนียบรัฐบาล จากนั้นขบวนรถเริ่มเคลื่อนเข้าประชิดแผงกั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถอยออกไปเรื่อยๆ แต่ยังมีรถคุมขังนักโทษและรถบัสจอดขวางอยู่ ผู้ชุมนุมระดมกำลังช่วยกันยกรถคุมขังและรถบัสออก ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยอมถอยรถเคลื่อนออกไปเปิดทางให้กลุ่มผู้ชุมนุมและรถบรรทุกแกนนำผ่านแนวกั้นสุดท้ายมุ่งหน้าเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฝ่าด่านสกัดบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์มีการผลักดันกันเล็กน้อยแต่ไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด และผู้ชุมนุมต่างพากันโห่ร้องแสดงความดีใจที่สามารถผ่านไปได้

เสื้อแดงเจอตร.สกัดด่านแรกแกนนำขอเจรจาเปิดทาง เมื่อเวลา 22.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงเคลื่อนขบวนออกจากสนามหลวงเพื่อเดินทางไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยมีแกนนำขึ้นไปบนรถบรรทุกคันที่ 1 เคลื่อนขบวนโดยมีการ์ดสวมชุดดำและใส่หมวกกันน็อคเดินนำหน้า ทั้งนี้แกนนำได้ประกาศบนรถบรรทุกว่า ห้ามผู้ร่วมเดินขบวนล้ำหน้าการ์ดไปเชื่อว่าหากถึงด่านที่ตำรวจสกัดกั้นคงปล่อยให้ไป ทางด้านเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวงยังมีวงดนตรีคอยบรรเลงอยู่

กระทั่ง เวลา 22.15 น. กลุ่มเสื้อแดงหยุดขวบลงเพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 100 นาย ตั้งแถวกร้อมโล่กันถนนที่จะมุ่งหน้าถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยประมาณ 20 เมตร สกัดขบวนเป็นด่านแรกกลุ่มการ์ดนำกำลังและธงพลักดันจนสามารถผ่านไปได้ไม่ถึง 5 นาทีเจ้าหน้าที่ก็เปิดทางให้

จากนั้นเคลื่อนมาถึงเชิงสะพานผ่านฟ้า เวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำแผงเหล็กมากั้นปิดทางซึ่งแกนนำได้ประกาศให้ฝ่ายเจรจาที่อยู่ด้านหน้าเจรจาขอเปิดทางโดยนายจตุพร พรหมพันธ์ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) ลงจากรถเดินทางไปเจรจาขอเปิดทางประมาณ 5 นาทีเจ้าหน้าที่ก็ยอมเปิดทางให้ผ่านไปได้

เวลา 22.40 น. ขณะที่ขบวนผู้ชุมนุมเสื้อแดงเคลื่อนมาถึงแยก จปร. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 100 นายตั้งแผงเหล็กกั้นแนวยาวปิดถนนราชดำเนินเป็นด่านที่ 3 ซึ่งนำแผงเหล็กมาปิดกั้นถนนทั้ง 4ช่องทางไม่ยอมให้คนและรถผ่านไปได้ ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังไปเจรจาขอให้เปิดทาง

เวลา 22.50 น. ขบวนได้เคลื่อนมาถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจล ตั้งแถวและนำแผงเหล็กมากั้น ประมาณ 500 นาย ตั้งสกัดเป็นด่านที่ 4 พร้อมมีรถดับเพลิงจอดรอปฏิบัติการ 4 คัน โดยเฉพาะช่องการจราจรตรงกลางมีรถคุมขังผู้ต้องหามาจอดขวางถนนไว้ และมีรถขนาดใหญ่จอดหลังรถคุมขังอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจราจาของแกนนำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์ตรงด่านที่ 4 ค่อนข้างตรึงเครียดเพราะใช้เจ้าหน้าที่ปราบจราจลมาดูแล ขณะที่ด่านที่ 1-3 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล

ม็อบตั้งแถวรอเคลื่อนไปปิดประกาศที่ทำเนียบ

เวลา 21.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงยังกล่าวบนเวทีปราศรัยนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เดินออกมาจากสนามหลวงเพื่อมาสบทบกับขบวนรถบบรรทุก 6 ล้อ 5 คัน ติดป้ายข้างรถว่า แดงทั้งประเทศ ซึ่งแกนนำเริ่มขึ้นไปบนรถคันที่ 1บ้างแล้ว

ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำ นปช. กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า หากตำรวจหรือทหารเข้ามาสกัดกั้นจะบุกไปบ้านของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลยืดเยื้อ หากไม่สกัดกั้นก็จะไปแค่ปิดประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ แล้วจะแยกย้ายกันกลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 3 ข้อเรียกร้อง 1 . ให้ปลดนาษิต ภิรมย์ รมว. ต่างประเทศ พ้นจากตำแหน่ง 2. ให้เร่งดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ กรณีปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และ3.ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมมนตรี ประกาศยุบสภา

จากรายงานของตำรวจสันติบาลมีการประเมินยอดผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 3 หมื่นคน

ยันครบ15วันไม่ทำชุมนุมไม่เลิก

ต่อมา นายณัฐวุฒิกล่าวบนเวทีโดยเปรียบเทียบการบุกยึดสนามบินของพันธมิตรกับบ้านสี่เสาเทเวศร์ ว่า ความเสียหายเทียบกันไม่ได้ เพราะบุกบ้านสี่เสาฯคนไม่พอใจ คือ ป๋า หลังจากนั้น โดนขังคุก 12 วันแต่พันธมิตรยึดสนามบินตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ยังไม่มีหมายเรียกดำเนินคดีเลย และยอมรับว่าเป็นลูกน้องพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วนายอภิสิทธิ์จะยอมรับหรือไม่ว่าเป็นลูกน้องของนายสนธิ และ พล.ต.จำลอง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะ ลูกพี่ สร้างผลงานมากมาย แต่ ลูกพี่ นายอภิสิทธิ์สร้างความเสียหายจากการยึดสนามบิน

เวลา 21.35 น. นายวีระกล่าวว่า ยื่นข้อเรียกร้องรัฐบาล ดังนี้ 1.ให้เร่งรัดดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตร ที่ยึดถนนราชดำเนิน ทำเนียบ สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และสนามบินสุวรรณภูมิ 2.ให้ปลดนายกษิต และพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมือง 3.รับร่างรัฐธรรมนูญ คปพร. ยกเลิกรัฐธรรมนูญแล้วไปใช้ฉบับ 2540 และ 4.เมื่อประกาศรัฐธรรมนูญใหม่แล้วให้ยุบสภาคืนอำนาจประชาชน และให้เวลา 15 วัน ถ้ารัฐบาลไม่ทำตามไม่เกิดผลจริง จะชุมนุมไม่เลิก

จตุพรนำขบวนรถมุ่งทำเนียบ

นายวีระกล่าวว่า แนวทางเดินขบวนไปที่ทำเนียบขอให้ยึดหลัก 3 ไม่ คือ ไม่โกรธ ไม่ตอบโต้ และไม่รุนแรง จะทำให้คนเสื้อแดงได้ชัยชนะ โดยจะจัดรถทั้งหมด 6 คัน โดยคันที่ 1 มีนายจตุพรและนายจักรภพคุม คันที่ 2 นายสุพรกับนายพายัพ ปั้นเกตุ คันที่ 3 นายจรัลและนายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย คันที่ 4 นายวีระกับนพ.เหวง คันที่ 6 พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คันที่ 6 นายวิภูแถลงกับนายชินวัตร หาบุญพาด

เวลา 22.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้กล่าวไชโย 3 ครั้งแล้วแยกย้ายกันขึ้นรถเคลื่อนขบวนเพื่อมุ่งไปทำเนียบ โดยมีการ์ดสวมชุดดำและใส่หมวกกันน็อคเดินนำหน้า ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิได้ประกาศบนรถบรรทุกว่า ห้ามผู้ร่วมเดินขบวนล้ำหน้าการ์ดไปเชื่อว่าหากถึงด่านที่ตำรวจสกัดกั้นคงปล่อยให้ไป ทางด้านเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวงยังมีวงดนตรีคอยบรรเลงอยู่

ผบ.ตร.-น.1หน้าเครียดพบสุเทพ-ปิดถนนพิษณุโลกแล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. เดินทางมาพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ เวลา 20.30 น. วันที่ 31 ม.ค. เพื่อรายงานสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแแดง ที่เตรียมจะเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท มีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ แก่ผู้สื่อข่าว พร้อมกับรีบเดินทางขึ้นไปพบนายสุเทพบนห้องทำงานตึกบัญชาการทันที โดยใช้เวลาพบกันประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะเดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด จากนั้น เวลา 20.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิด ถ.พิษณุโลก โดยใช้รถขังผู้ต้อหา 2 คัน และรถตู้1 คัน จอดขวางสะพานชมัยมรุเชฐไว้ โดยไม่ให้รถยนต์ผ่านแต่อย่างใด

จนกระทั่ง เวลา 21.00 น. นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยตอบคำถามผู้สื่อข่าวแต่เพียงว่า ยังไม่ทราบทุกคำถาม

เสื้อแดงทยอยแน่น2หมื่นคน

ผู้สื่อข่าวรายงานการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ที่ท้องสนามหลวงเมื่อ เวลา 20.00 น. วันที่ 31 มกราคมว่า มีผู้ชุมนุมมาสมทบจนแน่นสนามหลวงฝั่งสะพานพระปิ่นเกล้า ประมาณ 20,000 คน ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถยนต์ส่วนตัว มาจอดซ้อน 2 คัน โดยรอบสนามหลวง ทำให้การจราจรติดขัดมาก ประชาชนที่ต้องการโดยสารรถประจำทางต้องออกไปเรียกรถกลางถนน นอกจากนี้ มีรถสุขาของกรุงเทพมหานคร ประมาณ 20 คัน มาบริการ บริเวณถนนคั่นกลางท้องสนามหลวง

สุเทพยันให้ยุบ-แก้รธน.ทำไม่ได้

เวลา 19.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามสถานการณ์ที่กลุ่ม นปช.จะมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในช่วงดึก พร้อมกล่าวว่า จะอยู่แถวๆ ทำเนียบรัฐบาล ทราบว่า นปช.จะมายื่นหนังสือ ก็ต้องมีคนไปรับ หากไม่มีใครไปรับก็พร้อมไปรับหนังสือเอง ส่วนข้อเรียกร้องผู้ชุมนุมที่ต้องการให้รัฐบาลยุบสภา และแก้รัฐธรรมนูญนั้น ไม่สามารถทำตามได้ ผู้ชุมนุมจะมาชุมนุมกี่วันก็ได้ คิดว่าคงทำเป็นระยะๆ แต่เพื่อให้บ้านเมืองสงบ ขอให้อดทนกันอีกหน่อย รัฐบาลจะได้ดูแลบริหารบ้านเมือง และรายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้นายกฯทราบในคืนนี้เพื่อให้ทำงานสบายใจ

เวลา 18.00 น. ที่เวทีสนามหลวง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ซึ่งทำหน้าที่พิธีกรบนเวที ได้ประกาศความเคลื่อนไหวของตำรวจที่เตรียมการสกัดกั้นในเส้นทางที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนผ่านไปยังทำเนียบรัฐบาลเป็นระยะๆ พร้อมกับมีการประกาศว่าชมรมคนรักประชาธิปไตยอุดร กว่า 10 คันรถบัสได้มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงด้วย รวมถึงคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ เช่น จ.สิงห์บุรี และพื้นที่ต่างๆ ใน กทม.เป็นต้น

ขู่ฝ่าด่านบุกเตรียมคุกไว้ขัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ชุมนุมปีนรั้วเข้ามาในทำเนียบจะทำอย่างไร นายสุเทพตอบว่า เข้าไม่ได้ แต่จะไม่ใช้แก๊สน้ำตา และไม่ใช้ความรุนแรง หากบุกเข้ามาก็จับดำเนินคดี เตรียมรถ และสถานที่ไว้มาก เพียงพอสำหรับทุกคนที่ทำผิดกฎหมาย ยืนยันไม่มีมาตรการขั้นสูงสุดกับผู้ชุมนุม หากใครบุกสถานที่ราชการก็ต้องถูกดำเนินคดี จะไม่ยอมให้ใครทำผิดกฎหมาย หากฝ่าด่านตำรวจมา 4 ด่าน ก็ต้องดำเนินคดี เมื่อถามว่า การที่มาอยู่ในทำเนียบไม่กลัวว่าจะยั่วยุยิ่งมาบุกหรือ นายสุเทพกล่าวว่า ก็อย่าให้เขารู้ สื่อก็ไม่ต้องไปบอก แต่ถ้ามาจริง ตนอาจจะต้องไปอยู่ที่อื่น

คึกคักส.ส.พท.-หมวดเจี๊ยบร่วม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแกนนำ นปช. และทีมผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้ ซึ่งใช้เวทีจัดงานสนามหลวงชื่อว่า แดงทั้งแผ่นดิน หรือ Red In The Land เริ่มมากันอย่างพร้อมเพรียงตั้งแต่ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจักรภพ เพ็ญแข นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายจรัล ดิษฐาอภิชัย และ นพ.เหวง โตจิราการ นอกจากนี้ ส.ส.เพื่อไทยเข้าร่วมคึกคัก อาทิ นายการุณ โหสกุล นายอนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สิงห์บุรี พรรคเพื่อไทย นายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน

และยังมี นายประแสง มงคลศิริ อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุทัยธานี พรรคพลังประชาชน นายศักดา นพสิทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย นพ.ประสงค์ บูรณพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นางดารุณี กฤติบุญญาลัย ไฮโซชื่อดัง นางลีนา จังจรรยา อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. รวมถึง ร.ท.หญิงสุนิสา เลิศภควัตร หรือ หมวดเจี๊ยบ และนายใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมด้วย

ขณะที่นายวรพล พรหมมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยนา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้อ่านแถลงการณ์บนเวทีโจมตีการเข้าสู่อำนาจของพรรคประชาธิปัตย์และกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าเป็นผู้แก้วิกฤตเศรษฐกิจ 2540 ว่าเป็นการพูดความจริงไม่ครบถ้วน

ดีเดย์21.00น.บุกหน้าทำเนียบ

ต่อมา เวลา 17.00 น. กลุ่ม นปช.ตั้งเวทีขนาดใหญ่ที่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หันหน้าไปทางพระบรมมหาราชวัง มีผู้ร่วมชุมนุมทยอยกันเดินทางมาจากทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ เชียงราย อุดรธานี สมุทรปราการ ฯลฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ มารวมตัวกันประมาณ 10,000 คน โดยกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมนอกจากจะนั่งฟังการปราศรัยที่ด้านในสนามหลวง ยังมีบางส่วนที่ถือธงชาติ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปรอบๆ สนามหลวง พร้อมกับตะโกนชักชวนประชาชนบริเวณนั้นร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล ซึ่งแกนนำ นปช.ประกาศว่าหากรวมได้ประมาณ 20,000 คน จะเคลื่อนขบวนในเวลา 21.00 น.

ส่วนบริเวณภายในสนามหลวง ที่ด้านหน้าเวทีทั้งซ้ายและขวามีการตั้งเต๊นท์ขายสินค้าทั้งที่เป็นเสื้อผ้า ซีดี หนังสือที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม นปช.และ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งเท้าตบ หัวใจตบ และเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อ ความจริงวันนี้ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชุมนุมซื้อหากันเป็นที่ระลึกมากมาย รวมทั้งมีรถเข็นขายอาหารมาตั้งให้บริการอยู่โดยรอบหลายสิบร้าน ขณะที่ประชาชนที่สวมใส่เสื้อสีแดงทยอยร่วมชุมนุมไม่ขาดสาย

แกนนำยื่น3เงื่อนไขให้เวลารบ.15วัน

ขณะเดียวกัน เวลา 16.00 น. บริเวณท้องสนามหลวง แกนนำกลุ่ม นปช.และทีมผู้ดำเนินรายการ ความจริงวันนี้ ได้เดินทางมาถึง โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำ นปช. กล่าวยืนยันว่า จะไม่มีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในระหว่างชุมนุม และเวลาประมาณ 21.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงจะเริ่มเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อประกาศข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการ 3 ข้อ คือ 1.ให้ปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ้นจากตำแหน่ง 2.ให้เร่งดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรกรณีปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และ 3.ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมมนตรี ประกาศยุบสภา จากนั้นจะแยกย้ายกันกลับบ้านทันที โดยไม่มีการบุกเข้าไปในทำเนียบ ทั้งนี้ จะให้เวลารัฐบาลดำเนินการภายใน 15 วัน ถ้ายังไม่มีท่าทีตอบรับก็จะกำหนดมาตรการขั้นเด็ดขาดต่อไป

นายจตุพรกล่าว่า ทราบข่าวว่ามีความพยายามจะสกัดกั้นไม่ให้ นปช.ไปถึงทำเนียบ แกนนำ นปช.จึงมอบหมายให้ตนเป็นผู้เจรจากับตำรวจที่ตั้งด่านสกัดอยู่ 4 จุด และอยากเตือนว่าถ้ารัฐบาลบีบให้ตำรวจกระทำการรุนแรงกับประชาชน จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการชุมนุมไม่เลิกราจนกว่าจะแตกหัก โดย นปช.จะใช้ทำเนียบเป็นสมรภูมิ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมีสมองพอก็ควรเปิดโอกาสให้ นปช.เข้าไปประกาศเจตนารมณ์

ปลัดกลาโหมห่วงมือที่3ป่วน

เวลา 17.00 น. ที่สวนหลวง ร.9 พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดงานแสดงดนตรี 84 พรรษาประชาสมานฉันท์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ว่าอาจจะย้ายการจัดงานไปจัดงานที่ จ.อุดรธานี กับ จ.เชียงใหม่ด้วย เพราะโครงการมุ่งให้เกิดความสมานฉันท์ และมุ่งทำให้พระองค์ท่านเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้พระองค์ท่านที่จะทรงมีพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำต่อไปเรื่อยๆ

พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า การชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงไม่น่ามีปัญหา ยอดผู้ชุมนุมยังไม่มาก ไม่เป็นไปตามเป้าที่แกนนำตั้งไว้ เบื้องต้นทราบว่ามี 8,000 คน เชื่อว่าไม่มีมือที่ 3 สร้างความวุ่นวาย แต่จะต้องระมัดระวัง เป็นห่วงอยู่ ทราบว่าตำรวจจะสกัดกั้นเป็นขั้นตอนและชี้แจงโดยตลอด อาจจะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไปไม่ถึงทำเนียบก็ได้ และคงไม่ทำให้เกิดความรุนแรง

ตำรวจไม่เพียงพอจึงได้ขอกำลังทหารจำนวน 2 กองร้อย เข้าไปดูแลในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าไปเสริม ทำงานไม่ได้เลือกปฏิบัติ และไม่ได้มีวัตถุประสงค์นำไปสู่ความเกลียดชังคนใดคนหนึ่ง ถึงเวลานานแล้วที่คนไทยจะไม่ต้องแบ่งสี เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้บ้านเมืองเราไม่มีโอกาสพัฒนาไปข้างหน้า ควรหันมาจับมือกัน สร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด พล.อ.อภิชาติกล่าว

ตร.คาดหลักหมื่นเคลื่อนแล้วสลาย

เวลา 16.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ประชุมร่วมกับ ผบก.น.1-9 ผบก.ตปพ. และ ผบก.จร. เพื่อประเมินความพร้อมรับมือการชุมนุมกลุ่มนปช.โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า จากที่ได้รับรายงาน ณ เวลานี้มียอดกลุ่มผู้ชุมนุมท้องสนามหลวงประมาณ 4,000 คน มีการเปิดเวทีปราศรัย มีกิจกรรมต่างๆ คาดว่าช่วงกลางคืนจะมีผู้ชุมนุมมาสมทบรวมหลักหมื่น ก่อนเคลื่อนขบวนมาอ่านข้อเรียกร้องที่หน้าทำเนียบรัฐบาลและสลายตัวไป

พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า ส่วนจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ต้องประเมินสถานการณ์ชั่วโมงต่อชั่วโมง โดยวางกำลังตั้งด่านสกัดกลุ่มผู้ชุมนุมรวม 4 จุด คือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้า แยก จปร. และสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทั้งนี้ จะไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช้แก๊สน้ำตา แต่จะใช้การเจรจา ส่วนที่มีกระแสข่าวเรื่องกล้องซีซีทีวีในทำเนียบและจุดต่างๆ โดยรอบถูกทำลายนั้น ยืนยันว่ากล้องซีซีทีวีในทำเนียบยังใช้งานได้ตามปกติ รวมทั้งกล้องซีซีทีวีของ บก.จร.ตามแยกต่างๆ จะจับภาพเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมไว้ด้วย

สำหรับการชุมนุมครั้งนี้ ผมไม่หนักใจ คาดว่าหลังผู้ชุมนุมอ่านข้อเรียกร้องแล้ว จะสลายตัวไป ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ทั้งนี้ ตำรวจได้วางกำลังของ บก.น.1, 2 จำนวน 2 กองร้อย รักษาความปลอดภัยพื้นที่ท้องสนามหลวง และจะช่วยระวังท้ ายขบวนขณะเคลื่อนเพื่อป้องกันมือที่ 3 มาก่อเหตุ ผบช.น.กล่าว

บัญญัติไม่หวั่นม็อบเสื้อแดง

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง ที่สนามหลวงไม่ทำให้รัฐบาลหวั่น เพราะได้ประเมินสถานการณ์ไว้ ตั้งแต่ก่อนเป็นรัฐบาล โดยให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม ว่า การชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ และเท่าที่ดูช่วงหลังต่างระมัดระวังมากขึ้น จึงไม่กังวลว่าจะมีอะไรถึงขั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล หรือยุบสภา เพราะข้อเรียกร้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินคดีกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่างมีทางออกอยู่แล้วทั้งสิ้น และภายใน 1 ไตรมาส หรือ 3 เดือน มาตราต่างๆ ของรัฐบาลก็น่าจะพอเห็นผล แม้ภายใต้วิกฤตเช่นนี้ สถานการณ์คงไม่ดีในทันทีก็ตาม

ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเอง ผมคิดว่า คนรู้สึกว่ารัฐบาลก็พยายามทำงานอยู่ และน่าจะได้ผล ดังนั้น การเรียกร้องให้ยุบสภา คิดว่าอยู่ในเงื่อนไขที่กล่าวได้ว่าไม่น่าจะสมเหตุสมผล วันนี้ควรใช้เวลาแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ และต้องถือว่ารัฐบาลนี้ทำงานเร็วด้วยซ้ำนายบัญญัติกล่าว

คนอยากให้การเมืองนิ่งมุ่งแก้ศก

นายบัญญัติกล่าวว่า สิ่งที่ดีสำหรับการเมืองไทยในวันนี้ คือ ภาคเอกชนกล้าที่จะแสดงความเห็น ส่วนตัวยังเชื่อว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมเปลี่ยนขั้วมาหนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เป็นเพราะการแสดงความคิดเห็นของ 3 สถาบันหลักในภาคธุรกิจทั้งสมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และคนคล้อยตาม เห็นได้จากผลการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา 29 ที่นั่ง 26 เขตเลือกตั้ง 22 จังหวัดครั้งที่แล้ว ไม่คิดว่าจะได้ถึง 7 ที่นั่งเป็นปรากฏการณ์ ที่คิดว่าคนเริ่มตามทันมากขึ้น

ประชาชนวันนี้เริ่มอยากเห็นการเมืองมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น การชุมนุมการเรียกร้องซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ อย่าให้มีเหตุการณ์อะไรที่ดูน่าหวั่นไหว ว่าจะไปปิดที่นั่น ไปล้อมที่นี่ กดดันที่นั่นในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังมีปัญหาและมีแนวโน้มว่าจะกระทบมาถึงประเทศไทย จึงเชื่อว่าประชาชนอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำให้สถานการณ์ในบ้านเมืองนิ่ง นายบัญญัติกล่าว

กองทัพอบรมเยาวชนแก้เหลือง-แดง

ด้าน พ.อ.สิทธิชัย มากกุญชร ผู้ช่วยโฆษกกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งในสังคมไทยแบ่งเป็นสีเหลืองสีแดงในปัจจุบัน ทำให้ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รู้สึกกังวลเพราะขัดต่อกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานให้คนในชาติหันหน้าเข้าหากัน ดังนั้น ทางกรมกิจการพลเรือนทหาร จึงจับมือกับเครือข่ายเพื่อนฯ คุณธรรมวัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ จัดโครงการ สร้างความปรองดองสมานฉันท์และฟื้นฟูประชาธิปไตย โดยเปิดรับสมัครเยาวชนจากจังหวัดต่างๆ มาเข้าค่ายอบรมรวม 4 วัน คาดหวังว่าเยาวชนที่ผ่านการฝึกอบรมจะนำแนวคิดความปรองดองสามัคคีไปเผยแพร่ในชุมชนท้องถิ่นตนเองและขณะนี้เริ่มอบรมไปแล้ว 3 รุ่น รุ่นละประมาณ 300 คน คือ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพชรบุรี พิษณุโลก และขณะนี้กำลังดำเนินการที่ จ.อุบลราชธานี และต่อไปที่ จ.ชลบุรี

ภาค1ส่งกำลังดูแลสวนจิตรลดา

ก่อนหน้านี้ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยกรณีที่กลุ่ม นปช.ชุมนุมใหญ่สนามหลวงว่าจากการประชุม ตำรวจจะรับผิดชอบเป็นหลัก มีนายตำรวจระดับสูงเป็น ผบ.เหตุการณ์ประเมินสถานการณ์ ส่วนทหารจะเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ เป็นแผนตามปกติ หากทหารจะออกไปได้ต้องมีการร้องขอจากตำรวจกรณีที่ตำรวจเอาไม่อยู่ ทหารจะอยู่ภายในที่ตั้งตามปกติ แต่ส่วนใหญ่ที่ได้มีการประสานกับตำรวจนั้นทหารจะดูแลในสถานที่สำคัญ เช่น รอบวังสวนจิตรลดา และพื้นที่วีไอพีทั้งหมด รวมถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์มือที่สามเข้าไปชนกับม็อบ ซึ่งทหารที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่จะมีเพียงโล่ และกระบองเท่านั้น ทั้งนี้ทหารจะไม่มีหน้าที่สลายการชุมนุมจะไม่ปะทะกับประชาชนเด็ดขาด

ปัดส่ง400ทหารสอดแนมม็อบ

พล.ท.คณิตกล่าวว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตามที่แกนนำระบุว่า จะชุมนุมโดยสงบภายใต้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ คาดว่าถ้าพูดกันรู้เรื่องไม่น่าจะมีอะไรรุนแรงทั้งนี้ ได้วาดภาพประเมินไว้หลายแบบ ไม่ได้มองอะไรในแง่ดีหรือร้ายเกินไป แต่ติดตามในทุกแง่มุม ซึ่ง ผบ.ทบ.ให้กองทัพปฏิบัติตามแผนปกติ ไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษ

เมื่อถามถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. ระบุว่า กองทัพส่งทหารจำนวน 400 นายเข้าไปแฝงในกลุ่ม นปช. พล.ท.คณิตกล่าวยืนยันว่า กองทัพไม่ได้ส่งทหารเข้าไปแฝงเพราะการใช้กำลังถึง 400 คนถือว่ามาก แต่การติดตามสถานการณ์เป็นหน้าที่ทหารอยู่แล้ว

ระดมตร.-ทหารตรึงทำเนียบแน่น

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาล ภายหลังกลุ่ม นปช.ประกาศจะบุกมาปิดล้อมในเวลา 21.00 น. วันที่ 31 ตุลาคม ว่า ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ตำรวจและทหารเริ่มระดมกำลังเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่ภายในทำเนียบ ประกอบด้วยตำรวจสันติบาล ประจำทำเนียบรัฐบาล 1 กองร้อย เจ้าหน้าที่คอมมานโด 1 กองร้อย ทหารจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ 1 กองร้อย และกองกำลังจากสารวัตรทหารเรือ 1 กองร้อย มีอาวุธเป็นโล่และกระบองเตรียมไว้ป้องกันตัว

นอกจากนี้ยังมีการเตรียมรถไฟฟ้าส่องสว่าง และรถดับเพ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook