หนีไม่รอด กองปราบรวบกำนันเชียงรายหนีคดีฆ่า 2 แรงงานที่ญี่ปุ่น กบดานเกือบ 20 ปี

หนีไม่รอด กองปราบรวบกำนันเชียงรายหนีคดีฆ่า 2 แรงงานที่ญี่ปุ่น กบดานเกือบ 20 ปี

หนีไม่รอด กองปราบรวบกำนันเชียงรายหนีคดีฆ่า 2 แรงงานที่ญี่ปุ่น กบดานเกือบ 20 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 15 มกราคม ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผบช.ก. รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ไชยนิรามัย ผกก.4 บก.ป. ร่วมกันแถลงจับกุม นายบุญทา หรือ บุญฤทธิ์ จันทาพูน อายุ 56 ปี ชาว จ.เชียงราย ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 13 มกราคม 2559 ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ ซ่อนเร้น ย้ายศพ เพื่อปิดบังการตาย โดยตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ที่ ต.บ้านด้าย อ.แม่สาย จ.เชียงราย

พ.ต.อ.สันติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2539 นายบุญทา พร้อมด้วย นายศักดิ์สมุทร ยังมั่ง , นายมังกร สุทธดุก และ นายชาตรี เครื่องสนุก ซึ่งทั้ง 3 รายถูกจับกุมและดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่นไปก่อนหน้านี้แล้ว ได้ร่วมกันก่อเหตุฆ่า นายประยุทธ งานดี และ นางราตรี ด้วนเครือ สองแรงงานชาวไทย โดยเริ่มจากลงมือฆาตกรรม นายประยุทธ์ ด้วยการจับศีรษะกระแทกกับขอบท่อระบายน้ำจนเสียชีวิต เหตุเกิดใกล้กับบ้านหลังหนึ่งใน จ.อิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น ก่อนนำศพไปทิ้งอำพรางไว้ที่ริมทะเลสาบคาซิมิงาอุระ ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ

จากนั้นต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้ต้องหาทั้งหมดก็ได้ร่วมกันฆ่า นางราตรี ด้วยการจับบีบคอจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปทิ้งไว้กลางป่าใกล้กับที่เกิดเหตุ โดยเหตุฆาตกรรมดังกล่าวมีมูลเหตุมาจากการที่ นายศักดิ์สมุทร นายมังกร และนายชาตรี ไม่พอใจและเชื่อว่าผู้ตายทั้งสองเป็นคนขโมยเงิน 1.5 ล้านเยนจากตู้เซฟ ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาการลักทรัพย์ตู้ยอดเหรียญสาธารณะในขณะที่ทำงานอยู่ในประเทศญี่ปุ่น จึงได้ว่าจ้างให้ นายบุญทา เป็นผู้ลงมือ ด้วยจำนวนเงิน 3 แสนเยนเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ

พ.ต.อ.สันติ กล่าวอีกว่า ทางตำรวจญี่ปุ่นได้จับกุมตัว นายศักดิ์สมุทร,นายมังกร และนายชาตรี ผู้ร่วมก่อเหตุได้ทั้ง 3 ราย ซึ่งคดีได้มีคำพิพากษาของศาลประเทศญี่ปุ่นจนถึงที่สุดแล้ว เหลือเพียง นายบุญทา ที่ได้หลบหนีออกนอกประเทศทันทีหลังจากก่อเหตุได้ไม่นาน โดยจากแนวทางการสืบสวนทราบว่า นายบุญทา ได้เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2539 ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดและเปลี่ยนชื่อและได้รับเลือกตั้งให้เป็นกำนันประจำตำบล

ต่อมาทางการประเทศญี่ปุ่นได้ประสานขอความร่วมมือมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 ภายหลังพบเบาะแสเกี่ยวกับผู้ต้องหารายนี้ จึงสั่งการให้กองบังคับการปราบปรามร่วมกันสืบสวนจนกระทั่งพบตัว จึงรวบรวมหลักฐานร่วมกับอัยการฝ่ายต่างประเทศ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ออกหมายจับ นายบุญฤทธิ์ ในข้อหาเดียวกันกับที่ก่อเหตุในประเทศญี่ปุ่น ก่อนคุมตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม

จากการสอบสวน นายบุญทา ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า รู้จักกับผู้ตายทั้ง 2 คนจริง เนื่องจากเคยไปทำงานเป็นช่างเชื่อมที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน แต่ระหว่างที่ทำร่วมกันนั้นยอมรับเคยมีปัญหาขัดแย้งกันจริง แต่ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับการฆาตกรรมทั้งสอง

ซึ่งหลังจากเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นตนก็ได้กลับมาพักอยู่ที่บ้านเกิดประกอบอาชีพทำนาตามวิถีเกษตรกรทั่วไปก่อนจะหันมาลงสมัครเลือกตั้งเป็นกำนันในปี พ.ศ. 2541 จนถึงปัจจุบัน ส่วนรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ตนขอไปให้การในชั้นศาล เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาก่อนนำตัวส่งศาลอาญาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook