แบงก์ชาติผวาเศรษฐกิจหด-ดันหนี้เน่าพุ่ง มาร์คไม่หวั่นเงินรัฐร่อยหรอ-ยันทุนสำรองเหลือเพียบ

แบงก์ชาติผวาเศรษฐกิจหด-ดันหนี้เน่าพุ่ง มาร์คไม่หวั่นเงินรัฐร่อยหรอ-ยันทุนสำรองเหลือเพียบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศและเงินคงคลังที่ลดลงว่า เป็นเรื่องของกระแสเงินสด ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ ซึ่งตอนที่วางแผนกรอบการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตั้งสมมติฐานแล้วว่าการจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 10% อีกทั้งยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ หากจะกู้เงินจะนำมาใช้ทำงานเพิ่มเติมไม่ใช่เรื่องของการไม่มีเงิน ขณะนี้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยก็มีอยู่เหลือเฟือ และยังไม่ได้นำออกมาใช้ โดยยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมาทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเงินฝืด ซึ่งในการประชุมที่เมืองดาวอส ทุกประเทศก็ตั้งใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืดเช่นกัน

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ปีนี้ จะได้รับแรงกดดันอย่างมากที่จะเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อรายได้ครัวเรือนปรับลดลง และกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ จนอาจทำให้เอ็นพีแอลปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่จะเกิดเอ็นพีแอลในระบบมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศรุนแรงแค่ไหน รวมถึงการบริหารจัดการของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งว่าจะสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้หรือไม่

ถ้าดูข้อมูลจากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาพบว่า หากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปรับลดลง 1% ก็มีความเป็นไปได้ที่เอ็นพีแอลในระบบจะเพิ่มขึ้น 1% แต่ขณะนี้การบริหารจัดการของธนาคารพาณิชย์ถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่ในระดับที่น่าพอใจ สามารถรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาเอ็นพีแอลมากนัก นายบัณฑิต กล่าว

ทั้งนี้ ในปีนี้ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ปรับเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงให้ความสำคัญกับมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อ เพื่อลดปัญหาเอ็นพีแอลรายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในปีที่ผ่านมา ธปท. รู้สึกพอใจกับการแก้ปัญหาเอ็นพีแอลของธนาคารพาณิชย์ที่ลดลง 56,000 ล้านบาท โดยล่าสุด ณ เดือน ธ.ค. 51 เอ็นพีแอลที่ยังไม่หักสำรองหนี้สูญลดลงอยู่ที่ 5.3% เทียบกับปี 50 อยู่ที่ 7.3% ส่วนเอ็นพีแอลสุทธิลดลงอยู่ที่ 2.9% จากเดิมอยู่ที่ 3.9%

อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ยังติดตามลูกค้ารายเก่า เพื่อให้รู้ปัญหาของลูกค้าและคอยให้คำแนะนำการบริหารความเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิดมากขึ้นอยู่แล้วเพื่อให้ลูกค้ามีการปรับตัว และการให้ความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างของธนาคารพาณิชย์ให้มีความคล่องตัว และยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ โดยไม่เพิ่มแรงกดดันต่อลูกค้าจนทำให้เกิดปัญหาเอ็นพีแอลในระยะยาว

ส่วนตัวเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะแข่งขันกันมากขึ้น ขณะเดียวกันต้องมีการบริหารงานที่มีความสมดุลทั้งส่งเสริมให้มีการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต สภาพคล่อง และภาวะเศรษฐกิจโลก เพื่อไม่ให้เกิดเอ็นพีแอลส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ นายบัณฑิตกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook