ยธ.โชว์วิดีโอ พลิกคดีซานติก้า

ยธ.โชว์วิดีโอ พลิกคดีซานติก้า

ยธ.โชว์วิดีโอ พลิกคดีซานติก้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พีระพันธุ์ รมว.ยุติธรรมโชว์หลักฐานเด็ดสางคดีซานติก้าผับ ระบุเป็นวิดีโอบันทึกภาพช่วงเกิดเหตุ ชี้นักร้องวงเบิร์นไม่มีความผิด เพราะไม่ได้จุดพลุตามที่ตำรวจสรุป โดยลูกไฟเกิดหลังจุดเอฟเฟ็กต์นาน 2.57 นาที ยืนยันเป็นการจุดด้วยชนวนไฟฟ้าไม่ได้จุดด้วยไฟแช็ก เตรียมเสนอโอนคดีให้เป็นคดีพิเศษ ตั้งข้อสังเกตพบผงเฮโรอีนและโคเคนปนเปื้อนอยู่ภายใน จึงสงสัยว่ามีการซื้อขายยาเสพติด ขณะที่ มาร์ค รับลูก โอนคดีให้ดีเอสไอทำต่อ เชื่อตำรวจเข้าใจ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่กระทรวงยุติธรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติ ธรรม แถลงข่าวผลการตรวจสอบของคณะทำงานกระทรวงยุติธรรม กรณีเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ทำให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุดรวม 66 ศพ โดยมีการนำภาพที่บันทึกจากกล้องวงจรปิดวิดีโอภายในซานติก้าผับ ที่ถูกเพลิงไหม้และตกอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมภาพการทดลองยิงพลุไฟเอฟเฟ็กต์ใส่ฝ้าเพดาน ของพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาใช้ประกอบในการแถลงข่าว

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบความผิดในหลายประเด็น ดังนั้น กระ ทรวงยุติธรรมจะเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อรับโอนคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษในวันที่ 11 ก.พ.นี้ โดยจะนำเสนอรายงานผลการตรวจสอบต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 ก.พ. โดยภาพหลักฐานที่ไม่เคยปรากฏที่ใดมาก่อน ซึ่งทีมงานของกระทรวงยุติธรรมพบจากการตรวจสอบ 3 วันหลังเกิดเหตุ เป็นภาพจากกล้องวิดีโอที่ถูกไฟไหม้

สำหรับเนื้อภายในภาพแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการสอบสวนและคำให้การของพยานต่อพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งระบุว่านักร้องนำวงเบิร์น เป็นผู้จุดไฟแช็กที่หน้ากลองจนเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ แต่ภาพจากกล้องวีดีโอของซานติก้าผับ บ่งชี้ว่ามีลูกไฟเกิดขึ้นหลังจุดเอฟเฟ็กต์นาน 2.57 นาที โดยเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนนักร้อง และนักร้องคนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเดินหลบไปข้างเวที อีกทั้งไม่มีภาพนักร้องเป็นผู้จุดพลุตามที่พยานให้การ

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ข้อมูลจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพลุเอฟเฟ็กต์จุดด้วยชนวนไฟฟ้า ไม่ได้ใช้ไฟแช็กจึงมีการจุดพลุทดสอบ เพื่อเปรียบเทียบระยะเวลาของการเกิดเพลิงไหม้จนกระทั่งลุกลามหนัก ซึ่งผลการทดสอบไม่ตรงกับเหตุการณ์จริง เพราะในสถานการณ์จำลอง ต้องใช้เวลานานกว่าไฟจะลุกลาม ขณะที่ภาพจากวิดีโอเห็นได้ชัดว่าใช้เวลาเพียง 2 นาทีเศษ ไฟก็ลุกลามจนทำให้หนีไม่ทัน จึงสันนิษฐานว่าอุปกรณ์บนฝ้าเพดานอาจมีวัสดุอื่นที่ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงมีลูกไฟและโครงสร้างฝ้าเพดานถล่มลงมา ดังนั้น จึงอยากให้พยานบุคคลทบทวนเหตุการณ์เพลิงไหม้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามมีประเด็นน่าสังเกตว่าคดีนี้เดิมมีพยานติดต่อขอให้ข้อมูลจำนวนมาก แต่ภายหลังกลับไม่สามารถติดตามพยานได้ บางรายก็หายตัวไป

นายพีระพันธุ์กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบห้องพักเจ้าหน้าที่และห้องพักนักดนตรีด้วยเครื่องจีซีเอมเอส (GCMS) หรือเครื่องตรวจหาสารเสพติด พบผงเฮโรอีนและโคเคนปนเปื้อนอยู่บนสายรัดเงิน โซฟา ตู้เอกสาร และลิ้นชักต่างๆ จึงเชื่อว่าซานติก้าผับมีการซื้อขายยาเสพติด โดยมอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สอบสวนขยายผลต่อไป นอกจากนี้ ยังสั่งการให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สอบสวนประเด็นฟอกเงิน เนื่องจากผลการตรวจสอบทางบัญชี พบการโอนเงินเข้ามาในซานติก้าผับ จำนวน 20 ล้านบาท โดยอ้างว่าบริษัทจำหน่ายสุราแห่งหนึ่งมอบให้ แต่เมื่อสอบถามไปยังบริษัทจำหน่ายสุราได้ปฏิเสธว่าไม่เคยมอบเงินสดให้ จะมีก็เพียงโปรโมชั่นอื่นๆ

"อีกประเด็นที่น่าสงสัยคือ ภายหลังการเข้ามาถือหุ้นในบริษัทไวท์แอนด์บราเธอร์ จำกัด ของบุคคลคนหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2549 ตำรวจก็ไม่เคยเข้าจับกุมซานติก้าผับ อีกเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยมีการจับกุมฐานเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำหน่ายสุราในเวลาห้ามจำหน่าย เกือบจะวันเว้นวัน รวมถึง 47 ครั้ง ส่วนนายสุริยา ฤทธิ์ระบือ ผู้จัดการบริษัทไวท์แอนด์บราเธอร์ จำกัด การตรวจสอบพบว่ามีประวัติเสพยาเสพติด ประกอบอาชีพขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง และทำหน้าที่เป็นเด็กรับรถในลานจอดรถยนต์" รมว.ยุติธรรมกล่าว

นายพีระพันธ์กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบรายการเสียภาษี พบว่า ซานติก้าผับไม่เคยเสียภาษีสรรพสามิต ตลอดระยะเวลาที่เปิดให้บริการนาน 5 ปี นอกจากนี้ยังพบว่ามีการปลอมลายเซ็นของสถาปนิกผู้ออกแบบ และวิศวกรผู้คุมงานก่อสร้าง จึงเชื่อว่าอาจเป็นขบวนการปลอมแปลงใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร เพราะมีการใช้ชื่อวิศวกรคนดังกล่าวไปยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารอีก 33 แห่ง จึงต้องประสานให้กรุงเทพ มหานคร ตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ควบ คุมอาคาร

ด้านพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า ทีมงานนิติศาสตร์ ตั้งสมมติฐานของเพลิงไหม้ไว้ 2 ประเด็น คือ เกิดจากพลุเอฟเฟ็กต์ หรือมีวัสดุบางอย่างอยู่บนฝ้าเพดาน เมื่อมีพลุไฟยิงขึ้นไปจึงเกิดเพลิงลุกไหม้อยู่บนฝ้า หลังเพลิงลุกลามจึงตกลงมาและถล่มใส่คนที่อยู่ด้านล่าง อย่างไรก็ตาม ตนมีหลักฐานอีก 1 จุด คือมีเพลิงลุกไหม้ที่โซนวีไอพี แต่จะต้องใช้เวลาตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน

เมื่อเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมที่จะขอเอาคดีซานติก้าผับ มาดำเนินการเองว่า อย่างที่บอกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีไม่ตรงกัน จึงขอให้ไปดูแลให้เรียบร้อยและตรงกัน เข้าใจว่ารมว.ยุติธรรม อยากจะเสนอให้เป็นคดีพิเศษ เพราะมีความซับซ้อนอยู่พอสมควร จะได้ดูหลักฐานให้เกิดความชัดเจน ส่วนตัวเห็นด้วยเพราะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลายส่วนและพันไปหลายเรื่อง

เมื่อถามว่าการทำเช่นนี้ตำรวจจะไม่พอใจหรือไม่ เพราะเหมือนกับถูกฉีกหน้า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าไปคิดในแง่นั้น เรามีหน้าที่ต้องนำความจริงออกมาให้ได้ และเรื่องนี้ก็ถือเป็นความสูญเสียที่เราต้องหาผู้ที่มีความรับผิดชอบที่ชัดเจน เพราะถ้าปล่อยเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำก็เหมือนกับเราไม่เรียนรู้ ทั้งนี้ตำรวจอาจจะมีข้อจำกัดบางอย่างไม่ได้ข้อมูลบางอย่าง แต่เมื่อมีคนได้ข้อมูลมาก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์และเดินหน้าต่อไป

ต่อข้อถามว่า ตำรวจต้องโอนคดีมาโดยไม่มีเงื่อนไขใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นขอให้ไปคุยกันระหว่างกระทรวงยุติธรรมและตำรวจ ว่าข้อมูลที่ยังไม่ตรงกันนั้นคืออะไร แต่เมื่อมันมีข้อมูลแล้วรมว.ยุติธรรม เห็นว่าจะให้เป็นคดีพิเศษตนก็เห็นด้วย เมื่อถามว่าสำนวนของตำรวจพุ่งเป้าไปที่นักร้องนำของวงเบิร์น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจว่ามีภาพที่บันทึกไว้ก็จะเป็นส่วนที่บอกได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างนั้นหรือไม่ และเท่าที่ทราบในส่วนของกระทรวงยุติธรรมมีข้อมูลในส่วนอื่นๆ อีกก็คงต้องมีการสอบสวนให้ชัดเจน

"ผมคิดว่าการทำงานร่วมกันคงไม่มีปัญหา คนทำงานก็ย่อมมีปัญหาอุปสรรคบ้าง ผมกับรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ถูกต้องและชัดเจนที่สุด และแก้ปัญหาให้ได้ดีที่สุด การทำคดีผมก็อยากให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพด้วย คิดว่าถ้าทำให้เกิดความชัดเจนและมีความรับผิดชอบก็จะเป็นกรณีตัวอย่างและจะมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้เกิดกรณีอื่นด้วย" นายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่รีบสรุปผลจนเกือบมีการจับแพะ เพราะมีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าไปพาดพิงอะไร เมื่อตนเห็นว่าข้อมูลไม่ตรงกันก็ได้ขอไปแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

ทางด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ. ตร. กล่าวว่า คุยกับพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.แล้วว่า สำนวนไม่ได้ปิดไปทั้งหมด ท่านอาจสรุปไปส่วนหนึ่ง แต่ยังเปิดไว้หากมีหลักฐานอื่นเพิ่มเติมอาจจะดำเนินการเพิ่มเติมได้ ส่วนสาเหตุของเพลงไหม้ที่ไม่ตรงกับกระทรวงยุติธรรมนั้น ตนคิดว่าพนักงานสอบสวนคงต้องไปดูเอง กระทรวงยุติธรรมอาจส่งหลักฐานเพิ่มมาได้ ยังเปิดสำนวนอยู่ยังไม่มีการปิดสำนวน

ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องรื้อคดีทำใหม่หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ในรายละเอียดไม่ทราบแต่คุยกับ พล.ต.อ.จงรัก ไว้แล้ว ท่านสรุปสาเหตุไว้อย่างหนึ่ง แต่ดีเอสไอไปสรุปอีกอย่างหนึ่งก็ได้กำชับพล.ต.อ.จงรัก ไว้เหมือนกันว่าสาเหตุถ้ายังไม่ชัดก็ต้องเปิดไว้เผื่อมีหลักฐานใหม่

ต่อข้อถามว่า พล.ต.อ.จงรัก รีบสรุปสำนวนเกินไปหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า คงไม่ใช่ จากการที่พล.ต.อ.จงรัก สอบแล้ววางแนวว่ามีแนวโน้มไปทางนั้น แต่เท่าที่คุยก็ยังไม่ได้ปิดสำนวนถ้ามีหลักฐานใหม่ขึ้นมาก็อาจสรุปใหม่ได้ ส่วนการจับนักร้องนำวงเบิร์นนั้นท่านก็จับไปตามพยานหลักฐานที่คิดว่าเกิดจากตรงนั้นอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่ท่านสรุปไปแล้วว่าใช่ ส่วนดีเอสไอสรุปไปว่าเป็นเรื่องของเอฟเฟ็กต์ ที่สุดอาจจะเกิดจากสองเหตุร่วมกันก็ได้

"ผมคิดว่ากระทรวงยุติธรรมตั้งป้อมกับตำรวจ ทุกคนทำงานเพื่อประเทศชาติเป็นหลัก ในเรื่องของพนักงานสอบสวนในแง่ของกฎหมายตำรวจเป็นคนทำเป็นเรื่องของหลักการ เท่าที่ทราบยังไม่มีให้ดีเอสไอมาร่วมทำคดี ส่วนที่ดีเอสไอมาสอบสำนวนต้องไปเข้าคณะกรรมการ หลังดีเอสไอสรุปมาวันนี้แล้วก็ต้องอยู่ที่พนักงานว่าจะดำเนินการอย่างไร" ผบ.ตร.กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook