วิฑูรย์ ส่อออก-หลังพบนายกฯ ยันตัดสินใจแล้ว-ไม่ทำปชป.เสีย

วิฑูรย์ ระบุ ตัดสินใจทางการเมืองแล้ว เป็นแนวทางที่พรรคไม่เสียหาย

(3ก.พ.) เวลา 09.30 นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ได้พบนายกรัฐมนตรีก่อนประชุมครม.โดยนายกฯให้นำข้อมูลหลักฐานเรื่องปลากระป๋องไปให้เพิ่มเติม แต่โดยส่วนตัวได้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองไว้แล้ว ซึ่งเป็นแนวทางที่จะไม่ทำให้พรรคเสียมาตรฐาน แต่ขอแจ้งกับนายกฯก่อนที่จะแจ้งต่อสาธารณะ ยืนยันการตัดสินใจครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแรงกดดัน จาก ส.ส.ในพรรค เพราะทุกคนมีแต่ให้กำลังใจ

ถามว่า ส่วนโควต้าในตำแหน่งนี้ จะยังอยู่ในภาคอีสานบ้างหรือ นายวิฑูรย์กล่าวว่า ยังไม่รู้ขึ้นอยู่กับนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากมีภารกิจในเวลา 08.00 น. โดยคุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ประธานมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกจะเข้าพบ เพื่อมอบดอกป๊อปปี้เนื่องในวันทหารผ่านศึก

ขณะที่ เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี จากนั้น 14.00 น. จะเดินทางไปประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ 18.30 น. นายกฯ ร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ พร้อมกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง และนโยบายเศรษฐกิจการค้า และการลงทุนของไทยที่ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ

อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องจับตาผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าจะมีการปรับตำแหน่งรัฐมนตรีที่เป็นปัญหาและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้หรือไม่ เพราะวันนี้ครบ 2 วัน ตามที่นายกฯระบุก่อนหน้านี้ว่า จะมีความชัดเจนใน 2 วันหลังกลับจากการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีวาระการพิจารณาที่น่าสนใจด้านเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง เตรียมนำเสนอขออนุมัติกู้เงินจากต่างประเทศ จำนวน70,000ล้านบาท หลังจากมีสถานะเงินคงคลังเหลือเพียง 5.2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งการเสนอขอเพิ่มทุนให้กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 3 แห่ง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องประกอบด้วยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิมแบงก์ ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ บสย.

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอผลการพิจารณาอนุมัติให้เพิ่มสินค้ากาแฟผงสำเร็จข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และแป้งสาลีเป็นสินค้าควบคุม หลังจากคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. ได้พิจารณาแล้วเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และการพิจารณาแก้ไขปัญหาเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา