มองตลาดกล้องดิจิตอลปีฉลู! ขึ้นชั้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว

มองตลาดกล้องดิจิตอลปีฉลู! ขึ้นชั้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ย้อนกลับไปประมาณ 4-5 ปีก่อน รูปแบบของการถ่ายภาพส่วนใหญ่จำกัดอยู่ที่การทำงานด้วยระบบฟิล์ม โดยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% เมื่อเทียบกับกล้องถ่ายภาพดิจิตอล ซึ่งมีผู้ใช้งานน้อย เนื่องด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งฟังก์ชันการใช้งานที่ยุ่งยาก ซับซ้อน และให้ความละเอียดต่ำ ส่งผลให้กล้องดิจิตอล ณ เวลานั้นไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่เมื่อเทคโนโลยีของกล้องดิจิตอลถูกพัฒนาขึ้นให้มีศักยภาพที่ดีจนผู้บริโภคให้การยอมรับมากขึ้น อีกทั้งราคาที่ย่อมเยา ส่งผลให้กล้องฟิล์มถูกเข้ามาแทนที่จนเรียกได้ว่าแทบจะหมดไปจากตลาดในบ้านเรา โดยเหลือสัดส่วนในตลาดไม่ถึง 5% ซึ่งจะยังคงมีให้เห็นในกลุ่มช่างถ่ายภาพมืออาชีพ รวมถึงผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อน้อย

อาจจะกล่าวได้ว่านี่คือยุคทองของการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอล โดยขณะนี้มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.1 ล้านยูนิต หรือคิดเป็นเม็ดเงินรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนของกล้องดิจิตอล ชนิดคอมแพ็กต์ 95% และสัดส่วนของกล้องดิจิตอล เอสแอลอาร์เฉลี่ย 5% ด้านสัดส่วนเชิงมูลค่าจะอยู่ที่กล้องดิจิตอล คอมแพ็กต์ 75% และกล้องดีเอสแอลอาร์ 25%

แต่เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอึมครึม ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน ส่งผลกระทบต่อตลาดกล้องดิจิตอลอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเหล่าผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องงัดกลยุทธ์การทำตลาดรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มากับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งกันอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการปลุกกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ถดถอยอยู่ ณ เวลานี้

++ฉายภาพตลาดกล้องดิจิตอลปี52

กล้องดิจิตอลถือเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกชิ้นหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคมากขึ้น หรืออาจจะเรียกได้ว่ามีความสำคัญใกล้เคียงกับโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะวัยรุ่น และผู้ที่รักการเดินทางท่องเที่ยว อีกทั้ง กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นสุภาพสตรีหันมาให้ความสนใจกับการถ่ายภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องปรับแผนการทำตลาด และรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมาย

รูปลักษณ์ของกล้องดิจิตอลยุคปัจจุบันนี้มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น โดยเฉพาะกล้องดิจิตอล คอมแพ็กต์ ซึ่งตัวเครื่องจะมีสีสันมากมายหลากหลายให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อหาตามลักษณะ และบุคลิกของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นสีชมพู, เขียว, แดง, เหลือง, น้ำเงิน ฯลฯ แตกต่างกับกล้องดิจิตอลยุคก่อนที่มีเพียงแค่สีเงิน และสีดำ อีกทั้งรูปทรงที่เพรียวบาง กะทัดรัด และน้ำหนักเบา สะดวกในการพกพา

นอกจากการออกแบบตัวเครื่องให้ดูทันสมัยแล้ว จำนวนพิกเซลที่มากขึ้นถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ โดยความละเอียดของภาพในกล้องรุ่นใหม่จะเริ่มต้นที่ 10 ล้านพิกเซล ต่างจากปีก่อนซึ่งเริ่มต้นที่ 7 ล้านพิกเซล อีกทั้งฟังก์ชันการใช้งานที่ง่ายขึ้น และการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือการอัพโหลดรูปภาพลงในเว็บไซต์ ซึ่งจุดนี้นับเป็นจุดขายที่ดึงดูดใจกลุ่มวัยรุ่นเป็นอย่างมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องของราคาจำหน่ายที่มีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่องประมาณ 10-15% ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา

ตลาดรวมกล้องดิจิตอลมีอัตราการเติบโตทุกปี ทั้งนี้ ในปี 2551 ตลาดมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10% โดยตลาดกล้องดิจิตอล กลุ่มคอมแพ็กต์มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขการเติบโตที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของผู้ประกอบการหลายราย โดยสาเหตุที่ทำให้อัตราการเติบโตเป็นไปได้น้อย เนื่องจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าในตลาดแมส ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวชะลอการจับจ่ายลง อีกหนึ่งสาเหตุเนื่องมาจากผู้ที่เคยใช้กล้องดิจิตอล คอมแพ็กต์ หันไปให้ความสำคัญกับกล้องดิจิตอล เอสแอลอาร์มากขึ้น

ด้านตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตประมาณ 30-35% อย่างไรก็ตามมีการประมาณการว่าตลาดรวมกล้องดิจิตอลปี 2552 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10% โดยมูลค่าตลาดจะขยับขึ้นเป็น 1.4 ล้านยูนิต ซึ่งตลาดกล้องดิจิตอล เอสแอลอาร์จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20%

++เทรนด์ดีเอสแอลอาร์แรงต่อ

ตลาดกล้องดิจิตอล เอสแอลอาร์คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 2,500 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมกล้องดิจิตอลที่ 10,000 ล้านบาท และจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้ตลาดกล้องดิจิตอลกลุ่มดังกล่าวเติบโต มาจากการที่ผู้ใช้หันมาให้ความสำคัญกับกล้องดีเอสแอลอาร์มากขึ้น เนื่องจากมีฟังก์ชันการใช้งานที่ท้าทาย และเทคโนโลยีในระดับที่สูงกว่า นอกจากนี้ ปัจจัยด้านราคาจำหน่ายถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ

นายสมชาย ครองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โฟโต้ฮัท กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายกล้องดิจิตอล และอุปกรณ์ถ่ายภาพ ภายใต้

แบรนด์ โฟโต้ฮัท กล่าวว่า ราคาขายกล้องดิจิตอล เอสแอลอาร์ ในปี 2551 มีการปรับลดลงจากปีก่อนหน้าเฉลี่ย 20% โดยในกล้องรุ่นพื้นฐานจากเดิมที่ราคา 21,000 บาท ปรับลดลงเหลือเพียง 17,900 บาท ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงต่อไป แต่ในทางกลับกัน เทคโนโลยี และฟังก์ชันการใช้งานจะถูกพัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างครบครัน

สำหรับการแข่งขันในตลาดกล้องดิจิตอล เอสแอลอาร์ปัจจุบันนี้ นอกจากราคาจำหน่ายที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้แล้ว ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพของตัวผลิตภัณฑ์ และการให้ผู้บริโภคได้ทดลองสัมผัส และเรียนรู้การใช้งานผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายรูปแบบต่างๆ รวมถึงการทดลองใช้ ณ จุดขาย และรับฟังคำแนะนำจากพนักงานขาย และผู้ชำนาญด้านการถ่ายภาพ

ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของกล้องดิจิตอล เอสแอลอาร์ยังผลให้อุปกรณ์ถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ ,ขาตั้งกล้อง หรือกระเป๋าใส่กล้องได้รับอานิสงส์ไปด้วย โดยตลาดแอกเซสซอรีเคยมีอัตราการเติบโตอย่างมากในช่วงที่กล้องฟิล์มเป็นที่นิยมเมื่อ 4-5 ปีก่อน

++แนวทางการรับมือวิกฤติ

ภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องหากลยุทธ์รูปแบบต่างๆ มาเป็นตัวกระตุ้นยอดขาย พร้อมกับสร้างแบรนด์ไปในตัว ดังจะเห็นได้จากแคมเปญ Big CameraฆBig Bonus ชิงตั๋วเครื่องบินทัวร์ประเทศญี่ปุ่นฟรี จากบริษัท บิ๊ก คาเมร่า จำกัด ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคในปีที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ยอดขายช่วงไตรมาสสุดท้ายมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20%

ด้านบริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายกล้องดิจิตอลแบรนด์ โอลิมปัส ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR: Corporate Social Responsibility) โดยการนำร่องกิจกรรม Olympus School เพื่อมอบกล้องเดโม และจัดอบรมเทคนิคการใช้งานแก่สถาบันการศึกษา รวมถึงการมอบกล้องดิจิตอล คอมแพ็กต์แก่โรงเรียนมัธยมต้น เพื่อเป็นการปลูกฝังการจงรักภักดีในตัวแบรนด์ (Brand Loyalty) แก่กลุ่มวัยรุ่นที่รักการถ่ายภาพ

หรือจะเป็นกลยุทธ์ที่มีการนำเสนอในรูปแบบรายการทีวี ที่มีเนื้อหาในเชิงการสอนเทคนิคถ่ายภาพ รวมถึงการใช้งานกล้องดิจิตอลของโฟโต้ฮัท กรุ๊ป ทั้ง 2 รายการ ได้แก่ โฟโต้สตอรี่ ชีส ที่ออกอากาศทุกวันจันทร์ เวลา 23.30 น. และรายการ โฟโต้ วาไรตี้ ซึ่งออกอากาศทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.30 น.

นอกจากนี้ โฟโต้ฮัทยังให้ความสำคัญในเรื่องของ Exhibition Marketing ควบคู่กับกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ไม่ผ่านสื่อหลัก (บีโลว์ เดอะ ไลน์) เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกล้อง และจัดอีเว้นต์ เพื่อรุกเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 3 งานใหญ่ คือ 1)โฟโต้ ไฮเทค (Photo Hitech) ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ 2)โฟโต้ฮัท แฟร์ (PhotoHut Fair) ณ ซีคอน สแควร์ และ3)โฟโต้ฮัท เอ็กซ์โป (PhotoHut Expo) ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook