รวบมือปืนถล่มเอ็ม 16 ฆ่าผัวเมียอดีตข้าราชการ อ้างแค้นถูกหักเงินค่าแรง

รวบมือปืนถล่มเอ็ม 16 ฆ่าผัวเมียอดีตข้าราชการ อ้างแค้นถูกหักเงินค่าแรง

รวบมือปืนถล่มเอ็ม 16 ฆ่าผัวเมียอดีตข้าราชการ อ้างแค้นถูกหักเงินค่าแรง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความคืบหน้ากรณีคนร้ายใช้ปืนเอ็ม 16 บุกยิงนายกฤษณ์ สราญเศรษฐ์ อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตหัวหน้าสำนักงานที่ดินอำเภอคลองหอยโข่ง จ.สงขลา และนางสุทินนา หนูคง อายุ 45 ปี ภรรยา เสียชีวิต ภายในบ้านพักกลางสวนปาล์ม ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา

ล่าสุดตำรวจสงขลาสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 3 คน เป็นฝีมือคนงานในสวนปาล์ม ประกอบด้วย นายสุทธิพงศ์ จตุธรรม อายุ 29 ปี นายนรินทร์ หลงแก้ว อายุ 29 ปี และนายยศพล พรหมอ่อน อายุ 27 ปี ซึ่งถูกจับกุมในคดียาเสพติดและถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจ.สงขลา หลังจากที่ได้พยายามสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่องมา 28 วัน

พร้อมยึดของกลางรถจักรยานยน์ฮอนด้า รุ่นดรีม 110 ไอ ซุปเปอร์คัพสีฟ้า-ขาว ทะเบียน 1 กค-6500 สงขลา โทรศัพท์มือถือของผู้ตาย 2 เครื่อง และใบขายฝากโทรศัพท์มือถือ 1 แผ่น

พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า มูลเหตุของคดีนี้เป็นการปล้นทรัพย์แล้วฆ่าปิดปาก มีผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 4 คน จับกุมได้แล้ว 3 คน ส่วนผู้บงการและวางแผนคือ นายสมภพ จิตรนุ่ม อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นคนงานในสวนปาล์มของผู้ตาย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการหลบหนี และเคยต้องคดีพยายามฆ่าผู้อื่นในท้องที่สภ.รัตภูมิ ติดตัวโดยใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่บ้านผู้อื่นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา

สำหรับสาเหตุนั้นเนื่องจากนายสมภพ ซึ่งเป็นคนงานในสวนปาล์มของผู้ตาย โกรธที่ถูกหักเงินค่าแรงเพราะหยุดงาน จึงได้ชักชวนนายยศพล คนงานอีกคน รวมทั้งนายสุทธิพงศ์ และนายนรินทร์ ที่รู้จักกัน วางแผนปล้นและใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนพกสั้นขนาด .38 ฆ่าปิดปากทั้งสองคน เพราะจำหน้าได้

โดยนายสุทธิพงศ์ เป็นคนใช้ปืนเอ็ม 16 ยิง นายกฤษณ์และนายสมภพ เป็นคนใช้ปืน .38 ยิง ส่วนนายนรินทร์ เป็นค้นรื้อค้นทรัพย์สินได้เงินสดไปจำนวน 19,000 บาท และโทรศัพท์มือถืออีก 2 เครื่องและแยกย้ายกันหลบหนี

โดยนายสมภพนำเงินที่ได้จากการปล้นจำนวน 19,000 บาท แบ่งให้นายสุทธิพงศ์และนายนรินทร์ คนละ 5,000 บาท ส่วนนายนรินทร์นำโทรศัพท์มือถือของนายกฤษผู้ตายไปขายให้กับเพื่อนในราคา 700 บาท และนายสุทธิพงศ์ ให้หลานนำโทรศัพท์มือถือของ นางสุทินนา ผู้ตาย ไปขายที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่งบริเวณสี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ ได้เงิน 3,000 บท ซึ่งหลักฐานการซื้อขายโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ที่ถูกนำไปขายคือหลักฐานสำคัญที่เจ้าหน้าที่สามารถคลี่คลายคดีนี้ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook