สัตวแพทย์สาวฆ่าตัวเอง หลังถูกตราหน้า จำใจต้องกำจัดหมาจรจัด

เรื่องราวของสัตว์แพทย์สาวไต้หวัน เป็นประเด็นเศร้าระดับโลก เมื่อเธอตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะจำใจต้องฉีดยาวฆ่าหมาจรจัดในศูนย์ ที่มีปริมาณเกินควบคุม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เรื่องราวของสัตวแพทย์หญิงชาวไต้หวันคนหนึ่ง กลายเป็นที่กล่าวถึงไปทั่วโลก หลังเธอถูกสังคมกดดันอย่างหนัก เนื่องจากจำเป็นต้องกำจัดสุนัขจรจัดภายในศูนย์พักพิงสัตว์ของเธอเอง ทำให้เธอตัดสินใจจบชีวิตตัวเองตามพวกสุนัขที่เธอกำจัดไป
ตามรายงานระบุว่า เจี้ยนจี้เชง สัตวแพทย์และผู้อำนวยการศูนย์พักพิงสัตว์จรจัดแห่งหนึ่งในประเทศไต้หวัน ตัดสินใจฆ่าตัวตายภายในบ้านพักของตัวเอง เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยใช้วิธีฉีดยาเข้าระบบภายในร่างกาย เช่นเดียวกับที่เธอเคยทำกับสุนัขจรจัด แพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตเธอเอาไว้ได้
การเสียชีวิตของเธอ นำมาสู่การหาคำตอบของการจบชีวิตที่แสนสาหัสครั้งนี้ หลายคนเชื่อว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแรงกดดันทางสังคม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจี้ยนจี้เชง จำเป็นต้องฉีดยาให้สัตว์จรจัดที่รับเลี้ยงมาเสียชีวิตลง เนื่องจากเกินอัตราที่จะศูนย์พักพิงจะรองรับได้
เมื่อข้อมูลการกระทำของ เจี้ยนจี้เชง หลุดออกไปสู่สังคม ทำให้เกิดกระแสประณามโจมตีเธออย่างหนัก สังคมออนไลน์เรียกเธอว่า "ฆาตกรรมสัตว์" ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปี เธอกำจัดสัตว์จรจัดกว่า 700 ตัว ด้วยวิธีดังกล่าว โดยที่เธอเองก็ไม่ได้เห็นชอบกับวิธีนี้เลย
หลังจากถูกสังคมต่อว่าอย่างรุนแรง คนใกล้ชิดของ เจี้ยนจี้เชง ระบุว่า เธอค่อนข้างเครียดและคล้ายจะมีภาวะโรคซึมเศร้า ก่อนจะตัดสินใจก่อเหตุกับตัวเองดังกล่าว โดยที่ผ่านมา เธอนับเป็นสัตวแพทย์ที่มีจิตใจรักสัตว์ และชอบช่วยเหลือสัตว์ทุกชนิด แต่ภาระหน้าที่ในศูนย์พักพิง ทำให้เธอเครียดและหาทางออกไปเจอกับกรณีนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากการเสียชีวิตของ เจี้ยนจี้เชง เรื่องราวรับรู้ไปถึง พีต้า (PETA) องค์กรพิทักษ์สัตว์ ที่รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมกับบอกว่า นี่คือเหยื่อของวงจรอุบาทว์ในความไร้ซึ่งความรับผิดชอบเลี้ยงดูสัตว์ของมนุษย์ การละทิ้งสัตว์ย่อมกลายเป็นภาระของศูนย์พักพิง โดยปัจจุบันศูนย์พักพิงสัตว์เหล่านี้ยังคงต้องการพื้นที่ดูแลสัตว์และงบประมาณแบ่งเบาอีกจำนวนมาก
Source: people.com.cn / dailymail.co.uk