เปลือยชีวิต "เจนิเฟอร์ คิ้ม" นักร้องกลางคืน (ค่าตัว 150) สู่ดีว่าสาธารณะ

เปลือยชีวิต "เจนิเฟอร์ คิ้ม" นักร้องกลางคืน (ค่าตัว 150) สู่ดีว่าสาธารณะ

เปลือยชีวิต "เจนิเฟอร์ คิ้ม" นักร้องกลางคืน (ค่าตัว 150) สู่ดีว่าสาธารณะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กว่า 30 ปีบนเส้นทางการจับไมค์ร้องเพลงของผู้หญิงที่ชื่อ "เจนิเฟอร์ คิ้ม" เจ้าของเพลงดัง "คิดถึงเธอทุกที(ที่อยู่คนเดียว)" และเป็นเพลงเดียวที่เป็นเพลงประจำตัวที่เธอใช้ร้องหากินไม่ว่าจะขึ้นโชว์คอนเสิร์ตที่ไหนก็ตาม แต่นอกเหนือเพลงนี้แล้วนั้น "เจนิเฟอร์ คิ้ม" ยังขึ้นชื่อว่าเป็น "ดีว่า สาธารณะ" ที่นำเพลงดังของศิลปินมากมายมาขับร้องในสไตล์ตัวเองจนโด่งดัง

แต่หากย้อนกลับไปบนเส้นทางชีวิตนักร้องของ "เจนิเฟอร์ คิ้ม" แล้วนั้นกว่าที่เธอจะเดินมาสู่จุดการเป็นนักร้องหน้าม่านและเป็นเจ้าของคอนเสิร์ต "KIM รับแขก" ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวัน 16-17 กรกฎาคม นี้ เธอได้เปิดใจกับทาง Sanook News! เส้นทางนักร้องชีวิตของเธอนั้นได้เติบโตมาจากการเป็นนักร้องกลางคืนที่เริ่มต้นจากค่าตัวเพียง 150 บาท และต่อสู้กับคำดูถูกดูแคลนสารพัดมากมายที่ไม่ได้มาง่ายๆ จนมาถึงวันนี้

กว่าจะเป็น "เจนิเฟอร์ คิ้ม" ดีว่าสาธารณะ

"เริ่มต้นจับไมค์ร้องเพลงคือเพลงจีนร้องได้ทุกเพลงที่เป็นหนังกำลังภายในและเริ่มร้องเพลงจีนก่อนเพลงไทยร้องไม่ได้เลย เพลงไทยเพลงแรกในชีวิตเพลงเพียงอยู่ในวงแขนคุณ เคยไปร้องแล้วเฮียคนนึงที่นั่งฟังอยู่ข้างหน้าตะโกนขึ้นมาว่าร้องสุนัขไม่แดกเลย"

เรื่องราวบอกเล่าที่ "เจนิเฟอร์ คิ้ม" เผยถึงเส้นทางนักร้องที่ไม่ได้มาง่ายๆ เพราะแค่เริ่มต้นจับไมค์เพราะมีใจและรักและชอบในการร้องเพลงก็เจอกับคำสบประมาทจากผู้ฟัง

"ก็ไม่ได้ชอบให้คนมากรี๊ดนะแต่ชอบร้องใครจะสนใจฟังหรือไม่สนไม่รู้แค่ชอบร้อง และก็ไปสมัครร้องตามคอฟฟี่ช้อปแถวหัวลำโพงคัดมาสามสิบคน ได้มาคนนึงสวยมากร้องเพลงฝรั่ง แล้วเราขี้เหร่ที่สุดร้องเพลงจีน ได้เงินค่าร้องเพลงสามสิบปีที่แล้วได้สี่พันห้าคือมันคือสุดๆ แล้ว และก็ได้ฝึกฝนตัวเองร้องเพลงหาเงินไม่ได้ขอเงินแม่ตั้งแต่อายุ 21 และก็เริ่มไล่ร้องเพลงไปตามค็อกเทลเล้า ตามผับตามบาร์ ล็อบบี้โรงแรม แม้กระทั่งสถานอาบอบนวดก็ต้องร้องก็ได้เห็นโลกมากขึ้น ข้างหน้าเป็นกระจกข้างๆ เป็นลิฟต์นั่งเรียงกันคนนั้นเบอร์ตองและได้เห็นผู้ชายเวลาที่หน้ามันอยากเป็นอย่างนี้นี่เอง"

และถึงแม้ว่า "เจนิเฟอร์ คิ้ม" จะมีต้นทุนในเรื่องของเส้นเสียงที่ดีก็ตาม แต่ในเรื่องของรูปลักษณ์หน้าตานั้นกลับเป็นปัญหาที่ทำให้ชีวิตนักร้องกลางคืนของเธอไม่ราบรื่นนัก คือการโดนไล่ออกบ่อยครั้งเพราะมีนักร้องที่หน้าตาดีกว่ามาแทนที่

"บางทีร้องๆ เพลงก็ถูกเขาไล่ออกบ่อยหน้าตาไม่ดีคนสวยมาเขาก็มาแทนเรา ถือไมค์แล้วไม่ให้ร้องมีคนอื่นมาแทนแล้ว ก็ร้องไห้เล่นเอ็มวีเลยและสมัยก่อนยังไม่มีรถเพราะยังไม่มีตังค์ก็ถือหนังโน้ตเพลง โน้ตเปียโนเล่มนึง โน้ตเบสเล่มนึง โน้ตกีต้าร์โน้ตกลองอย่างละเล่มพอโดนไล่ออกก็ต้องแบกโน้ตพวกนี้ ทีหนักมากฝนก็ตกเดินร้องไห้แต่คนไม่รู้หรอก ว่าร้องเพราะหน้าตอนไม่ร้องกับร้องก็ไม่ต่างกัน ถามว่าโกรธมั้ยโกรธนะแต่ไม่ได้โกรธคนที่มาแทนเราเพราะเขาสวยกว่าแต่โกรธคนที่ทำแบบนี้

พอตอนที่อายุสามสิบนิดๆ ก็สามารถร้องเพลงหาเงินได้เดือนแสนกว่าบาทถามว่าทำได้ไงก็ร้องวิ่งลอกไปทุกทีร้องตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงตีสองและก็ไม่หยุดวันหยุดก็ไปแทนคนอื่นเขาได้สองพันแทนสี่ช่วงตังค์เยอะ ชีวิตเริ่มร้องเพลงอายุน้อยๆ ตั้งแต่ชั่วโมง 150 และก็ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปจนกระทั่งได้ออกอัลบั้ม"

ขอบคุณคำดูถูกดูแคลนที่ทำให้มี "เจนิเฟอร์ คิ้ม"

"มันขึ้นเกิดในช่วงที่มีความรักเจอกับคนอายุมากกว่าเรา 4 ปีเป็นคนมีชาติตระกูลแต่ก็คบกันแค่สามเดือนและก็มีคนไฮโซที่คบกันอยู่ในกลุ่มเขาพูดว่ากาก็อยู่ส่วนกาหงส์ก็อยู่ส่วนหงส์ ฟังแล้วรู้สึกว่าน้ำตาจะไหลแต่นึกในใจว่าเดี๋ยวจะทำให้แยกไม่ออกว่ากากับหงส์เป็นยังไง เดี๋ยวจะทำให้ไม่ต้องถามกันอีกว่าชาติตระกูลนามสกุลเราคืออะไร คนจะไม่สนใจนามสกุลเราหรือใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากฉายาที่เราหากินนี้และก็เป็นอย่างนั้น พรสวรรค์อย่างเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้กำหนดชาติตระกูลคนโดยการศึกษาโดยรูปร่างหน้าตาคือพรสวรรค์อย่างเดียว"

และเมื่อชีวิตก้าวมาสู่จุดนักร้องแถวหน้ามีผลงานเพลงเป็นของตัวเองแล้วนั้น กลับเป็นเรื่องน่าแปลกที่ศิลปินมากความสามารถอย่าง "เจนิเฟอร์ คิ้ม" มีผลงานเพลง คิดถึงเธอทุกที (ที่อยู่คนเดียว) เพลงเดียวที่แจ้งเกิดและหลังจากนั้นเธอก็ร้องเพลงของคนอื่นในสไตล์ตัวเองจนเป็นที่ยอมรับ

"เมื่อก่อนเกลียดมากเลยนะ ไม่เอาอยากร้องเพลงตัวเองทำไมไม่มีเพลงของตัวเอง จะโกรธแล้วน้อยใจอยู่ตลอด มันดูไม่ภาคภูมิใจแต่ทุกวันนี้อยากขอบคุณมากเลย เราโชคดีมากถ้าเราต้องร้องเพลงแต่ของตัวเองก็คงอ้วกแตกตาย เพราะบางงานไปถึงไม่อยากร้องเลยเพลง คิดถึงเธอทุกที่ (ที่อยู่คนเดียว) เพราะเบื่อและชอบตรงมันเหมือนเอาเพลงที่ดังอยู่แล้ว ปล่อยให้คนอื่นเขาทำงานเขาเคี้ยวกะทิไว้เราก็ไปช้อนหัวมาตักแล้วมาไว้บนแกงเรามันจะได้ไม่ทำในสิ่งที่ซ้ำซาก เพราะเราเป็นคนขี้เบื่อ ถึงมีสามีไม่ได้เพราะขี้เบื่อขอบอกจริงๆ นี่เป็นสันดาน เจนิเฟอร์ คิ้ม ดังนั้นถ้าจะให้ร้องเพลงซ้ำๆ ซากๆ จะกลายเป็นสิ่งที่เบื่อมาก"

"เจนิเฟอร์ คิ้ม" ดีว่าสาธารณะ

"ดีว่าสาธารณะมองว่าคือคำชม ชมเราว่าช่างเป็นคนที่เข้าถึงง่ายเป็นกันเองใครๆ ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ คนรวย คนจนก็เข้าถึงได้หมด ก็เลยรู้สึกว่ามันก็มาจากตัวเราเองที่เป็นลูกคนจีน เป็นคนที่ร้องเพลงกลางคืนมาก่อน เป็นคนที่ไม่ได้เกิดจากการปั้นของค่ายเทปใดๆ ทั้งสิ้นแต่มีวันนี้ขึ้นมาได้ก็มาจากความเมตตาและความชอบของคน ดังนั้นการที่เราเป็นคนอย่างนี้แล้วมันก็ทำให้เหมือนกับคนมีตำหนิ พอเรามีตำหนิปั๊บเราไม่ต้องเกร็งแล้วไม่ต้องการความเพอร์เฟ็กซ์ เราก็สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ใครด่าอะไรก็ฟัง คือเราจะมองตัวเองว่าไม่มีภาพลักษณ์ ก็เป็นนิสัยอย่างนี้เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็เลว เป็นคนธรรมดาทั่วไปที่คนอื่นๆ ก็เป็นอย่างเรา และเราเป็นคนที่ไปตรงไหนใครก็กวักมือเรียกหาได้เลย"

และจากการร้องเพลงคนอื่นจนโด่งดังเป็นที่รู้จักจึงทำให้ "เจนิเฟอร์ คิ้ม" ถูกขนานนามและยกให้เป็น "ดีว่า สาธราณะ" แล้วนั้นเธอยังมีเอกลักษณ์ตัวตนที่ใจนักเลงเป็นกันเองไม่ว่าจะอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตหรือที่ไหนก็ตามจึงทำให้เธอมีทุกวันนี้

"เราต้องรู้จักคบคนสำคัญที่สุดเลย ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนร้องเพลงเก่งหรือว่าเพราะอะไรแต่รู้ว่าตัวเองฉลาด เพราะเวลาที่เราเลือกคบคนเราไม่ได้เลือกคบคนที่ผลประโยชน์ แต่เราเลือกคบคนที่เขาเป็นแบบเดียวกับเรามีความรักเป็นพี่เป็นน้องกันถึงเลือกคบ โก้ มิสเตอร์แซกแมน ดังนั้นโก้จึงนำพาเรามาถึงตรงนี้ด้วยเพลงคิดถึงเธอทุกที (ที่อยู่คนเดียว) และโก้มีคอนเสิร์ตเราก็ไปเป็นแขกรับเชิญและผู้ใหญ่ที่เปิดใจพอสมควรก็เห็น พี่ฉอด สายทิพย์ ก็เรียกมาทำโน่นทำนี้

คือโอกาสมันมีให้เราไขว่คว้าเราควรจะรู้จักการเสนอหน้าอย่างมีชั้นและมีเชิงและจังหวะ การจะเป็นนักร้องที่มาถึงวันนี้ได้ไม่ใช่แค่อยู่เป็น นักร้องมักจะคิดว่าทำแล้วได้อะไร ถ้าทำแล้วได้ความสุขเราทำนะ ได้ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินบางทีไม่ได้เงินเลยแต่ใจมันอยากทำเราได้ความสุขใจ ถามตัวเองว่าได้อะไรได้ความสุขใจไปทำเลย หมั่นใช้ใจมากกว่าผลประโยชน์ เพราะไม่มีใครซื้อใจคนด้วยเงิน เราซื้อใจคนด้วยใจ"

"KIM รักแขก" การกลับมาอีกครั้งบนเวทีคอนเสิร์ตตัวเอง

"มันเป็นบ้านของเราเวทีคือบ้านหลังที่สองของเรา ถึงแม้ว่าเราจะตื่นเต้นกับมันทุกครั้งแต่ก็ไม่มีที่ไหนที่ทำให้เรามีความสุขในการร้องเพลงนั้นคือความรู้สึกของเรา มันเหมือนปลาวาฬได้ออกสู่ทะเลใหญ่แล้วก็ไปทักทายเพื่อนฝูงต่างๆ ของเรา เอาอย่างนี้มีคนเคยบอกว่าถ้าคุณประสบความสำเร็จแต่คุณจะเดียวดายในชีวิตนี้ไม่มีลูกไม่มีสามีและตายเร็วด้วย เราบอกเลยว่ายอมแลก เพราะว่าเราไม่รู้ว่าการมีสามีคือสิ่งที่เรารักที่สุดหรือเปล่า

แต่สิ่งที่มีคือพรสวรรค์นี่คือสิ่งที่เรารักที่สุด และการให้คนดูมีความสุขนั้นก็คือสิ่งที่เรารักเหมือนกัน ถ้าเราเลือกจะมีความเฟอร์เฟ็กซ์กับครอบครัวนั้นคือความปรารถนาของเราคนเดียว แต่เมื่อเราเกิดเป็นศิลปินนักร้องเราจะสามารถทำให้คนเป็นแสนเป็นล้านมีความสุขได้ คิดว่าจะมีซักกี่คนที่ทำได้แบบนี้ ดังนั้นมันถึงใช้คำว่าพรสวรรค์ มันเป็นสิ่งที่พระเจ้าจับใส่มาให้และบอกว่าฉันให้แก ถ้าให้เราไม่ได้ร้องเพลงเดินโง่ๆ ข้างถนนจากนี้ไปแล้วเป็นใบ้หรือไม่มีเสียงแล้วให้เราตายเลยดีกว่า"

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ เปลือยชีวิต "เจนิเฟอร์ คิ้ม" นักร้องกลางคืน (ค่าตัว 150) สู่ดีว่าสาธารณะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook