สมคิดดีใจธนาคารโลกปรับGDPไทยโต2.5%

'รองนายกฯ สมคิด' ยัน รบ.เร่งผลักดันธุรกิจครัวเรือน 3 จ.ใต้ เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ให้ 3 ธนาคาร ช่วยด้านเงินทุน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้านท่องเที่ยว ดีใจธนาคารโลกปรับจีดีพีไทยเพิ่มสูงขึ้น 2.5% ชี้รัฐบาลเร่งลงทุน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวภายหลังการหารือกับภาคธุรกิจเอกชน เพื่อกระตุ้นส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ในวันนี้ รัฐบาลยินดีที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.เข้ามาเสนอแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ยังเป็นลักษณะธุรกิจภาคครัวเรือนที่มีความน่าสนใจ ดังนั้นรัฐบาลต้องผลักดันให้กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น อาหารฮาลาล และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โดยเบื้องต้นได้มอบหมายให้ 3 ธนาคาร ประกอบไปด้วย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันธุรกิจ หากหนี้สินหรือวงเงินกู้นักลงทุนติดเพดาน ก็จะขยายวงเงินให้ในพื้นที่เป็นกรณีพิเศษ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวภายในพื้นที่นั้น จะต้องทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ก่อนเพิ่มการลงทุนด้านธุรกิจการท่องเที่ยว อีกทั้ง ยังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบเพิ่มวงเงินให้ เอสเอ็มอี ขนาดเล็กอีกด้วย

นายสมคิด กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน ได้มีการหารือกับ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเข้าไปสนับสนุนการตลาดในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ต้องพัฒนาทุกจังหวัดอยู่แล้ว โดยเพิ่มความรู้ในการใช้ประโยชน์กับเทคโนโลยีต่าง ๆ พร้อมกันนี้ ยังให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มองว่าไทยมีโอกาสด้านเศรษฐกิจหากเพื่อนบ้านเติบโตในฐานะที่เป็นศูนย์กลางอาเซียน แต่ขอรักษาเสถียรภาพในประเทศไว้ให้ได้ เพราะสิ่งสำคัญทุกฝ่ายร่วมมือกัน

นายสมคิด ยังกล่าวถึงกรณีที่ธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ ปรับคาดการณ์การขยายทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทย เป็นร้อยละ 2.5 ในปีนี้ที่เติบโตในชาติเดียว เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศลดต่ำลง ว่า รู้สึกดีใจและถือเป็นกำลังในการทำงานของรัฐบาลในการพยายามแก้ไขวิกฤติ แต่จะต้องไม่ประมาท เพราะสหรัฐอเมริกาไม่มั่นใจเศรษฐกิจตัวเอง และยุโรปก็ยังไม่ฟื้นตัวในระยะสั้น โดยสิ่งที่จะพึ่งได้คือเศรษฐกิจเอเซียโดยเฉพาะจีน หากจีนยังคงรักษาเสถียรภาพตัวเองได้ก็เป็นผลดีต่อภูมิภาค และหัวใจสำคัญอยู่ที่การวางรากฐานในอนาคต 

โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แต่สิ่งสำคัญคือการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้เกษตรกรและประชาชนที่เป็นฐานรากมีรายได้เพียงพอและให้ประเทศพัฒนาไปได้ อีกทั้งรัฐบาลเร่งในการลงทุนและการเบิกจ่ายงบประมาณต่าง ๆ พร้อมยืนยันไม่มีใครสามารถล็อบบี้เวิลด์แบงก์ได้