กำลังใจ

กำลังใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คอลัมน์ เมืองไทย25น.

นายมหาเศรษฐี

รับทราบกันมาบ้างแล้วว่าผลประกอบการของบริษัทประเทศไทยในช่วงนี้เป็นอย่างไรปรากฏลดฮวบไปเสียทุกด้านในส่วนรายรับขณะรายจ่ายกลับสูงโด่งจนน่าวิตก

ยอดการผลิตสินค้าทุกหมวดลดต่ำลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าฯลฯ

ขณะที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีก็ลดลงด้วยถึง 10%

จะมีขยายตัวเพิ่มขึ้นก็คงเพียงตัวเลขคนตกงานเพราะถูกเลิกจ้างและยอดขายบะหมี่สำเร็จรูปเดือนมกราคมที่เพิ่มถึง 10% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน

ภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลงอย่างนี้มีแต่ต้องประหยัด อดออม ขยันทำงานให้มากขึ้นสถานเดียวจึงจะพอมีสิทธิ์อยู่รอดได้

ในส่วนของชาวบ้านก็คงต้องว่ากันไปในลักษณะตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เพราะไม่มีใครอยู่ในสถานะที่จะช่วยเหลือเจือจานกัน

แต่ในความเป็นรัฐบาลไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้เพราะมีอนาคตของประเทศและชะตาชีวิตของคนอีก 63 ล้านเป็นเดิมพัน จำต้องหาทางฟันฝ่าสู้ศึกให้สุดฤทธิ์

แนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลทำไปคือเร่งนโยบายประชานิยมด้วยการอัดเงินหลายแสนล้านเข้าไปในระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้เกิดความคึกคัก

แต่การใช้เงินหลวงไม่ได้สะดวกรวดเร็วเหมือนกับเงินราษฎร์ มีกฎระเบียบขั้นตอนมากมายคอยกำกับอยู่เพื่อป้องกันฝูงเหลือบไม่ให้เขมือบจนพุงปลิ้น คาดการณ์กันว่ากว่าเงินงบประมาณก้อนแรกจะเริ่มเข้าสู่ระบบได้ก็คงราวเดือนเมษายนเป็นอย่างเร็ว

คำถามก็คือมันจะทันเวลาดับไฟที่กำลังเผาผลาญประเทศอยู่ยามนี้หรือเปล่า

นอกจากนี้เม็ดเงินงบประมาณที่รัฐบาลตั้งใจจะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจก็ใช่ว่าจะทะลักออกมาพรวดเดียวเสียเมื่อไหร่ หากแต่เป็นการค่อยๆ ทยอยไหลออกมาทีละเล็กละน้อย

ถามต่ออีกว่ากับสภาพการไหลของน้ำแบบกะปริบกะปรอยเช่นนี้มันพอที่จะดับไฟได้ฉับพลันทันทีหรือไม่

ที่รัฐบาลป่าวประกาศว่าจะใช้เงินเท่านั้นเท่านี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นนั้นก็ยังเป็นเพียงแค่ลมปาก ขณะเม็ดเงินจริงยังต้องใช้เวลาผ่านกระบวนการตรวจสอบอนุมัติอีกนานกว่าจะทะลุท่อออกมาได้

ระหว่างรอเวลารัฐบาลก็สร้างฝันให้กับชาวบ้านไปว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าแน่

เป็นความฝันที่ผู้สรรค์สร้างและปวงชนคนนิทราปรารถนาอยากจะให้สำเร็จ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook