แฉหม่อมผู้ควบคุมการผลิตอมเงินค่าจัดงานการกุศลเกือบ 3 ล้านบาท

แฉหม่อมผู้ควบคุมการผลิตอมเงินค่าจัดงานการกุศลเกือบ 3 ล้านบาท

แฉหม่อมผู้ควบคุมการผลิตอมเงินค่าจัดงานการกุศลเกือบ 3 ล้านบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (13 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซ.โยธี ราชเทวี ศ.คลินิก เกียรติคุณ ทันตแพทย์ นิติพันธ์ จีระแพทย์ ในฐานะนายกสมาคมศิษย์เก่า คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และประธานการจัดงาน และนายประดิษฐ์ สมดังเจตน์ กรรมการผู้จัดการ บ.มาสเตอร์พีซฯ แถลงข่าว กรณีการทุจริตงานคอนเสิร์ตการกุศล "สร้างรอยยิ้มเพื่อผู้ยากไร้และด้อยโอกาส" โดยระบุว่า 

โดย  ศ.คลินิก เกียรติคุณ ทันตแพทย์ นิติพันธ์ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าว ได้มีหม่อมผู้ควบคุมการผลิต เข้ามาเป็น "ผู้ควบคุมการผลิต" ซึ่งรู้จักผ่านการแนะนำของรุ่นน้อง และหม่อมผู้ควบคุมการผลิตก็แนะนำตัวเองว่าเคยจัดงานการกุศลต่างๆ มาแล้ว และสามารถนำนักร้องชื่อดังมาร่วมแสดงบนเวทีได้ 

งานดังกล่าวทางสมาคมตั้งวงเงินค่าจัดงานไว้ 3.5 ล้านบาท บวกค่าแถลงข่าวอีก 1 แสน แต่ปรากฏว่างานที่จัดขึ้น มีวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีเพียง 5 ชิ้น แสงสีเสียงจัดขึ้นแบบธรรมดา หลังจบงาน หม่อมผู้ควบคุมการผลิตได้มาเบิกเงิน 3.5 ล้านบาท ซึ่งตนรู้สึกว่ามันไม่คุ้มกับเงินที่จะต้องจ่ายไป จึงเรียกประชุมสมาคมฯเพื่อต่อรองเรื่องราคา 

ก่อนหน้านี้ ในงานแถลงข่าวได้มีการเชิญนักร้องจากเวทีการประกวดชื่อดังมาร่วมด้วย 5 คน หลังจากจบงานบริษัทออแกไนซ์ได้เดินมาหาตน และบอกว่าการจัดงานแถลงข่าวครั้งนี้ 2.6 แสนบาท บริษัทไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ขอใบอนุโมทนาบัตร ซึ่งตนงงมากว่าจะมาพูดว่าบริจาคได้ยังไง ในเมื่อทางสมาคมฯจ่ายค่าแถลงข่าวให้กับผู้ควบคุมการผลิตไปแล้ว 1 แสนบาท 

ด้าน นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ตนรู้จักผู้ควบคุมการผลิตท่านนี้ เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่จบจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯมาด้วยกัน และเห็นว่าตนมีบริษัทออแกไนซ์ ผู้จัดละคร และเป็นผู้จัดการดารา จึงมาชักชวน และนัดหมายพูดคุยกันที่พารากอน สถานที่จัดงานแถลงข่าว 

โดย หม่อมผู้ควบคุมการผลิต มาพร้อม คุณ ห.เจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ และ คุณป. นักข่าวสายพระราชสำนักฯ ประมาณเดือน ก.พ. เรื่องการจัดงานคอนเสิร์ตการกุศลฯ ซึ่งตนยินดีจะช่วย เพราะปกติบริษัทของตนจะบริจาคให้องค์กรการกุศลอยู่แล้ว 

ตนได้รับมอบหมายให้จัดงานคอนเสิร์ตกับงานแถลงข่าว และในงานแถลงข่าวเป็นครั้งแรกที่ตนได้พบกับอาจารย์นิติพันธ์ นายกสมาคมฯ ซึ่งตนได้เดินไปบอกว่าค่าจัดงานแถลงข่าว 2.6 แสนบาท ตนจะบริจาคให้ แต่ขอใบอนุโมทนาบัตรด้วย เพื่อนำไปลดหย่อนภาษี จากนั้นก็ได้แต่มองหน้ากันไปมาด้วยความงุนงง 

ระหว่างการดำเนินงานมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง เช่น ค่าวงดนตรี ซึ่งก่อนจัดงานทางแอ็กแซ็กท์โทรศัพท์มาปรึกษาตนว่า งานจัดขึ้นที่ศูนย์วัฒนธรรม ควรเพิ่มเครื่องดนตรีเครื่องสาย ตนจึงไปปรึกษาทางผู้ควบคุมการผลิต ซึ่งฝ่ายนั้นก็ยืนยันว่าไม่มีบัดเจ็ต เพราะเป็นงานการกุศล ตนจึงตัดสินใจใช้เครื่องดนตรีแค่ 5 ชิ้น 

แต่เรื่องมาถึงจุดพีคเมื่อตนมาประชุมที่ศูนย์วัฒนธรรมกับทางสำนักพระราชวัง เพื่อเตรียมการต้อนรับเสด็จอย่างสมพระเกียรติ ทางกรมวังระบุว่าจะต้องมีวงดุริยางค์เล่นรับเสด็จ และมีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าอาหารเพิ่มเติมให้กับเจ้าหน้าที่ 

ซึ่งตนถาม ผู้ควบคุมการผลิต , คุณ ห.เจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ และ คุณป. นักข่าวสายพระราชสำนักฯ ต่อหน้าพนักงานบริษัทของตนเองว่า ทำไมสมาคมฯไม่มีบัดเจ็ตเพิ่มขึ้นมาเลย จะให้ตนเป็นผู้ออกเองหมดเลยหรือ เพราะตอนแรกตนตั้งใจจะบริจาค 5 แสนบาท แต่ขณะนี้ค่าใช้จ่ายถึง 7 แสนบาทแล้ว ทั้ง 3 คนส่ายหน้า ในท้ายที่สุด ผู้ควบคุมการผลิตได้โทรศัพท์มาบอกตนว่า เงินค่าวงดุริยางค์ ผู้ควบคุมการผลิตจะออกเงินส่วนตัวสมทบทุน 

หลังการจัดงานคอนเสิร์ตผ่านไป 1 เดือน ตนสอบถามถึงใบอนุโมทนาบัตร ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าสมาคมฯกำลังส่งไปรษณีย์มาให้ แต่ 2 เดือนผ่านไปยังไม่ได้ ตนจึงโทรสอบถามไปทางผู้ควบคุมการผลิตให้จัดการให้ แต่อีกฝ่ายบอกว่าคุยกับทางสมาคมไม่ได้แล้วเพราะทะเลาะกับอาจารย์นิติพันธ์

เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมคุย ตนจึงสอบถามมาทางสมาคมฯ และได้คุยกับคุณกาญจน์ ผู้จัดการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก ซึ่งบอกว่าจะออกเป็นใบขอบคุณให้ แต่ตนไม่ต้องการ และถามว่าทำไมถึงออกใบอนุโมทนาบัตรให้ไม่ได้ อีกฝ่ายตอบว่ามีการตั้งเบิกจ่ายไปแล้ว และพูดว่า "ทำงาน ทำไมจะเอาเงินด้วย เอากล่องด้วยเหรอ" ซึ่งประโยคนี้ ทำให้ตนต้องลุกขึ้นมาหาความจริง 

ตนโทรไปหาเจ้าหน้าที่ของคณะฯ และขอเบอร์ของนายกสมาคมฯ เมื่อได้คุยกัน ทางอาจารย์นิติพันธ์ได้มอบเอกสารให้ 5 หน้า ที่เป็นรายละเอียดค่าจัดงานทั้งหมด เมื่อได้อ่านรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ตนไม่สบายใจจึงขอประชุมกับทางสมาคมฯ และชี้แจงในที่ประชุมว่า เงินบางส่วนไม่ควรระบุเป็นค่าใช้จ่าย เพราะเป็นส่วนที่ตนบริจาคให้ และบางรายการก็แพงเกินจริง 

สรุป จากเอกสารค่าใช้จ่ายทั้งหมด ที่ทางผู้ควบคุมการผลิตเรียกเก็บเงินกับทางสมาคมฯ 3.5 ล้านบาท หากเขาได้เงินไปแล้ว เขาจะมีเงินเหลือจากการทำกิจกรรมคอนเสิร์ตการกุศล 2.5-2.8 ล้านบาท 

หลังจากนั้นตนได้พยายามติดต่อผู้ควบคุมการผลิตเพื่อขอคำชี้แจง ก็ได้คำตอบอีกวันว่า ทางสมาคมฯมีการเจรจาต่อรองราคากันอยู่ และได้มีการจ่ายเงินแล้ว 2.6 ล้านบาท เหลือคงค้างอีกประมาณ 8 แสนกว่าบาท ซึ่งทางผู้ควบคุมการผลิตจะให้ตนไปรับเงินจากทางสมาคมฯ 7 แสนบาท 

ตนถามว่าเกี่ยวอะไรกัน และทางผู้ควบคุมการผลิตรู้ตอนไหนว่าสมาคมฯมีเงินค่าจัดงาน 3.5 ล้านบาท แล้วมาบอกตนว่าเป็นงานการกุศล โดยทางผู้ควบคุมการผลิตบอกว่าจะยกเงินที่ทางสมาคมฯค้างจ่ายอีก 7 แสนกว่าบาทให้ตน และขอให้จบกันไป 

ซึ่งตนสงสัยว่าทางสมาคมฯจะมีเงินจ่ายให้ตนได้ยังไง ในเมื่อไม่มีเงินเยอะพอที่จะทำกิจกรรมต่างๆ และไหนจะเงินถวายเข้ามูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก หากตนรับเงินก้อนดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็น 1 ในผู้ร่วมขบวนการนี้ 

ตนบอกทางผู้ควบคุมการผลิตว่า ให้นำเงินมาคืนที่สมาคมฯทั้งหมด และมาตกลงทั้ง 3 ฝ่าย ก่อนที่ตนจะโพสต์เฟซบุ๊กว่า งานการกุศลกลายเป็นงานอกุศล และกลายเป็นกระแสข่าวไปทั่วโลกออนไลน์

โดยตนได้ขอให้ผู้ควบคุมการผลิตนำเงินเหลือจากการหักค่าใช้จ่ายจริงๆ มาคืนกับทางสมาคม และขอจบตรงนี้ไม่เอาความ แต่อีกฝ่ายเอาตนไปพูดให้เสียหาย ตนจึงปรึกษาทางสมาคมฯเพื่อจัดงานแถลงข่าวขึ้น เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน

ทั้งนี้ ตนและทางสมาคมฯได้ส่งคนไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าสิ่งที่เปิดเผยมาเป็นความจริง และป้องกันตัวเองหากถูกฟ้องกลับ และจะให้ทนายความดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย จะไม่มีการเจรจา โดยให้ไปคุยในชั้นศาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook