นายกคุยฮุนเซนลุยถกJCRทำMOUรถไฟอรัญปอยเปต

นายกคุยฮุนเซนลุยถกJCRทำMOUรถไฟอรัญปอยเปต

นายกคุยฮุนเซนลุยถกJCRทำMOUรถไฟอรัญปอยเปต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี คุย 'ฮุนเซน' ลุยถก JCR ทำ MOU รถไฟอรัญฯ - ปอยเปต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. หารือทวิภาคีกับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (2nd ACD Summit 2016) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 9-10 ตุลาคม 2559 ณ กรุงเทพมหานคร  โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD Summit) ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างประเทศที่สำคัญมีขนาดใหญ่เป็นครั้งแรกของรัฐบาล พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา ที่มีความก้าวหน้าอย่างรอบด้าน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้จัดการประชุมร่วมคณะกรรมาธิการชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา หลังจากที่มีการว่างเว้นมากว่า 2 ปี และจะได้มีกำหนดให้มีการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 3 ที่กัมพูชา ในช่วงต้นปี 2560 อีกด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวแสดงความยินดี ที่ทางรถไฟของไทยและกัมพูชาบริเวณสะพานรถไฟอรัญประเทศ-ปอยเปต ได้เชื่อมต่อกันแล้ว และกำชับให้หน่วยงานของทั้งสองฝ่ายเร่งจัดทำร่างความตกลงเดินรถไฟร่วมให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ทั้งสองประเทศสามารถเดินรถไฟระหว่างกันได้ ซึ่งโอกาสนี้นายกรัฐมนตรียังได้ตอบรับคำเชิญของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยผู้นำทั้งสองประเทศที่จะโดยสารรถไฟสายประวัติศาสตร์นี้ร่วมกัน เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพอันดีระหว่างไทยและกัมพูชาอีกด้วย


นายกฯชี้เปิดจุดข้ามแดนใหม่ปี61พร้อมดูแลแรงงาน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. หารือทวิภาคีกับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (2nd ACD Summit 2016) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 9-10 ตุลาคม 2559 ณ กรุงเทพมหานคร  โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่าการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยน (จังหวัดสระแก้ว)-สตึงบท (จังหวัดบันเตียเมียนเจย) จะสามารถเปิดทำการได้ภายในปี 2561 เพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรไปมาระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ เช่นเดียวกับการเสริมสร้างความเชื่อมโยงด้านคมนาคมทางอากาศ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดเส้นทางบินไป-กลับภายในหนึ่งวัน ระหว่างกรุงเทพ-กรุงพนมเปญ รวมทั้งการเพิ่มปริมาณความจุและความถี่ของเที่ยวบิน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการไปมาหาสู่ระหว่างกันของประชาชนด้วย

ส่วนการดูแลแรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทยที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาตินั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยพร้อมให้การสนับสนุนในการแจกหนังสือเดินทางให้กับแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยที่ผ่าน การพิสูจน์สัญชาติแล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกัน เพื่อให้กระบวนการพิสูจน์สัญชาติสามารถดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้แรงงานกัมพูชาที่พิสูจน์สัญชาติแล้วสามารถมีเอกสารแสดงตนหรือหนังสือเดินทางได้ โดยนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชา ยังเห็นพ้องที่จะผลักดันการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น โดยการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและกัมพูชาในด้านอื่นๆ อาทิ การส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นต้น


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook